ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมของผู้ใช้บริการในเขตอำเภอเมือง และอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี

การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ โดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษา 3 ส่วนหลักของผู้ใช้บริการในเขตอำเภอเมือง และอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี คือ (1) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบพฤติกกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียม ตามปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการ ปัจจัยด้านสังคมและพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียม และ (3) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการ และปัจจัยด้านสังคมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมโดยใช้การวิจัยเชิงสำรวจ จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถามประกอบด้วยคำถาม 3 ด้าน คือ ด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการ ด้านสังคม และพฤติกรรมการใช้บริการ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.954, 0.823 และ 0.835 ตามลำดับ ส่วนสถิติที่ใช้ในการศึกษาคือ (1) สถิติเชิงบรรยาย ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (2) สถิติเชิงอนุมานได้แก่ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ของ และพยากรณ์ตัวแปรที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมของผู้ใช้บริการด้วยสถิติการวิเคราะห์ถดถอยพหุ (Multiple Regression Analysis) โดยใช้โปรแกรม SPSS Version 20 ผลการวิจัยพบว่า
(1) ระดับพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมของผู้ใช้บริการแตกต่างกันตามปัจจัยส่วนบุคคลในด้านอายุที่แตกต่างกันมีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนปัจจัยส่วนบุคคลในด้านอื่น ๆ ที่แตกต่างกันมีพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมไม่แตกต่างกัน
(2) ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการทุกด้าน และปัจจัยด้านสังคมทุกด้านมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมของผู้ใช้บริการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยพบว่า ด้านครอบครัวมีค่าความสัมพันธ์สูงสุด (r) คือ 0.516 รองลงมาคือ ด้านกลุ่มอ้างอิง มีค่าความสัมพันธ์ (r) คือ 0.510 และด้านการส่งเสริมการตลาด มีค่าความสัมพันธ์ (r) คือ 0.496 ตามลำดับ
(3) ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการบางด้าน และปัจจัยด้านสังคมบางด้านมีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการสนามฟุตซอลหญ้าเทียมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยพบว่า ตัวแปรที่มีอิทธิพลมากที่สุดคือ ด้านครอบครัว โดยมีค่า Beta (β) เท่ากับ 0.274 รองลงมา คือ ด้านการส่งเสริมการตลาด เท่ากับ 0.235 ด้านบทบาทและสถานะ เท่ากับ 0.227 และด้านกลุ่มอ้างอิงเท่ากับ 0.184 ตามลำดับ