ความสัมพันธ์ระหว่างกำลังรับแรงดึงและกำลังรับแรงอัดของคอนกรีตมวลแบบเซลลูล่า

คอนกรีตมวลเบาเซลลูล่าเป็นคอนกรีตที่มีส่วนผสมของฟองอากาศ ซึ่งเกิดจากการเติมโฟมเหลวที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในเนื้อคอนกรีตแทนการใช้หินหรือมวลรวมหยาบ โดยคุณสมบัติพื้นฐานของคอนกรีตมวลเบาแบบเซลลูล่าจะเปลี่ยนแปลงไปตามค่าความหนาแน่นหรือปริมาณฟองอากาศที่เติมเข้าไป การศึกษางานวิจัยนี้เพื่อเสนอผลการทดสอบการหาค่ากำลังรับแรงดึงของคอนกรีตมวลบาแบบเซลลูล่าที่ค่าความหนาแน่นเปียกเท่ากับ 800-1800 กก./ลบ.ม. โดยใช้อัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.40, 0.45 และ 0.50 และอัตราส่วนทรายต่อซีเมนต์เท่ากับ 1:1 และ 2:1 รวม 36 สูตร จำนวน 864 ตัวอย่าง ทำการทดสอบหาค่ากำลังรับแรงดึงของตัวอย่างที่อายุ 28 วัน และ 56 วัน บ่มแห้งในอากาศด้วยวิธีทดสอบ 3 วิธี กล่าวคือ การทดสอบแรงดึงโดยตรง การทดสอบแรงดึงแบบผ่าซีก และการทดสอบโมดูลัสการแตกร้าว ผลการทดสอบพบว่า คอนกรีตมวลเบาแบบเซลลูล่ามีค่ากำลังรับแรงดึงโดยตรงระหว่าง 0.65-23.52 กก./ตร.ซม. กำลังรับแรงดึงผ่าซีกมีค่าระหว่าง 3.93-20.28 กก./ตร.ซม. และโมดูลัสการแตกร้าวมีค่าระหว่าง 0.89-19.96 กก./ตร.ซม. จากการศึกษาพบว่ากำลังรับแรงดึงของคอนกรีตมวลเบาเซลลูล่ามีค่าแปรผันตามความหนาแน่น
จากการศึกษาเมื่อพิจารณาอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์และอัตราส่วนทรายต่อซีเมนต์พบว่าที่ความหนาแน่น 1800 กก./ลบ.ม. อัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ 0.45 อัตราส่วนทรายต่อซีเมนต์ 1:1 จะมีค่ากำลังรับแรงดึงโดยตรงสูงที่สุดเท่ากับ 23.52 กก./ตร.ซม. กำลังรับแรงดึงผ่าซักสูงที่สุดเท่ากับ 20.28 กก./ตร.ซม. โมดูลัสแตกร้าวมีค่าสูงสุดเท่ากับ 19.96 กก./ตร.ซม.
จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกำลังรับแรงดึงกับกำลังรับแรงอัดพบว่าที่ช่วงความหนาแน่น 1400-1600 กก./ลบ. กำลังรับแรงดึงโดยตรงอยู่ในช่วง 0.09fc-0.12fc กำลังรับแรงดึงผ่าซีกอยู่ในช่วง 0.07fc-0.09fc และโมดูลัสแตกร้าวอยู่ในช่วง 0.82....
และที่ความหนาแน่น 1800 กก./ลบ.ม. พบว่า กำลังรับแรงดึงโดยตรงอยู่ในช่วง 0.08fc-0.09fc สำหรับกำลังรับแรงดึงผ่าซีกอยู่ในช่วง 0.07fc-0.08fc และโมดูลัสแตกร้าวอยู่ในช่วง....