ปัจจัยที่มีผลต่อการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์หลังสัมผัสของประชาชนจังหวัดยโสธร

การวิจัยแบบภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์หลังสัมผัสของประชาชนจังหวัดยโสธร จำนวน 183 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ถึง 31 มีนาคม 2567 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา โดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มัธยฐาน เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 25 และ 75 และใช้สถิติเชิงอนุมานในทำการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์หลังสัมผัสของประชาชน โดยใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุเชิงชั้นหลายตัวแปร โดยใช้ Multiple logistic regression และการประมาณช่วงเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 ของ Adjusted Odds ratio กำหนดระดับนัยสำคัญที่ 0.05
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์หลังสัมผัสของประชาชน ได้แก่ ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรมีโอกาสเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์สูงกว่าผู้ที่ประกอบอาชีพอื่น ๆ เป็น 2.73 เท่า (AOR=4.20, 95%CI=1.32-13.35) ผู้ที่มีระยะทางจากบ้านถึงโรงพยาบาล > 10 km มีโอกาสเกิดเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์สูงกว่าผู้ที่มีระยะทางจากบ้านถึงโรงพยาบาล < 10 km เป็น 6.98 เท่า (AOR=6.98, 95%CI=2.40-20.24) ผู้ที่มีทัศนคติเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าที่ระดับมาก มีโอกาสเกิดเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์น้อยกว่าผู้ที่มีทัศนคติเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าที่ระดับน้อยเป็น 0.92 เท่า (AOR=0.08, 95%CI=0.02-0.28) ผู้ที่มีความสะดวกในการมารับวัคซีนที่ระดับมาก มีโอกาสเกิดเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์น้อยกว่าผู้ที่มีความสะดวกในการมารับวัคซีนที่ระดับน้อยเป็น 0.82 เท่า (AOR=0.18, 95%Cl=0.03-0.87) และผู้ที่เคยมารับบริการวัคซีนพิษสุนัขบ้าครั้งแรกมีโอกาสเกิดเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบตามเกณฑ์น้อยกว่าผู้ที่มีจำนวนครั้งที่เคยมารับบริการวัคซีนพิษสุนัขบ้า 1 ครั้งขึ้นไปเป็น 0.88 เท่า (AOR=0.12, 95%Cl=0.04-0.39) ส่วนปัจจัยอื่นไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุความสัมพันธ์