วัดอัมพวันนาราม อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี วัดที่ติดริมฝั่งแม่น้ำชี เรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากการขุดพบเรือกระแชง ซึ่งเป็นเรือโบราณที่สันนิษฐานว่าใช้สำหรับการคมนาคมขนส่งสินค้าในลุ่มน้ำชี
วัดอัมพวันนาราม หรือวัดท่าศาลา อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
วัดอัมพวันนาราม หรือวัดท่าศาลา เริ่มต้นนั้นตั้งขึ้นพร้อมกับการตั้งหมู่บ้าน สถานที่ตั้ง คือ บริเวณบ้านคุณตาเพ็ง-คุณยายลำพอง ธานี ต่อมาปี พ.ศ. 2463 พระบริคุตคามเขตร (โง่นคำ สุวรรณกูฎ) นายอำเภอเขื่องในในขณะนั้นได้มาเป็นผู้นำชาวบ้านในการตัดถนนหนทางให้เป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงมีแนวคิดที่จะย้ายวัดไปตั้งในที่แห่งใหม่ที่มีความเหมาะสมกว่า พ่อใหญ่คำตาและพ่อใหญ่จัน ได้ทราบข่าวก็มีความยินดีและมีจิตศรัทธาบริจาคสวนมะม่วงริมฝั่งแม่น้ำชีให้สร้างวัด ซึ่งมีพื้นที่ 17 ไร่ จึงเรียกชื่อวัดว่า “วัดอัมพวันนาราม” ซึ่งหมายถึง วัดอันตั้งอยู่ในป่ามะม่วงนั่นเอง
วัดอัมพวันนาราม ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2463 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2473 รายนามเจ้าอาวาสวัด รูปที่ 1 อาจารย์ครูพันธ์ ธานี (พ.ศ.2461-2471) รูปที่ 2 อาจารย์ครูเพชร (พ.ศ.2471-2482) รูปที่ 3 อาจารย์ครูปุ้ย (พ.ศ.2482-2498) รูปที่ 4 อาจารย์ครูหลาย มาลัย (พ.ศ.2498-2500) รูปที่ 5 หลวงพ่อข่าย (พ.ศ.2500) รูปที่ 6 อาจารย์ครูสุทัน ธานี (พ.ศ.2500-2510) รูปที่ 7 พระภิกษุแอ๋ง (พ.ศ.2510-2512) รูปที่ 8 พระภิกษุเตี้ย (พ.ศ.2512-2514) รูปที่ 9 หลวงพ่อทุย (พ.ศ.2514-2517) รูปที่ 10 หลวงพ่อชาลี (พ.ศ.2517-2520) รูปที่ 11 หลวงพ่อพา (พ.ศ.2520-2529) รูปที่ 12 พระครูสิทธิธรรมนุสิฐ (อู๊ด เตชธมฺโม) (พ.ศ.2530- )
การขุดพบเรือกระแซง เรือขนสินค้าโบราณ
ณ วัดอัมพวันนาราม มีประวัติการขุดพบการค้นพบเรือใหญ่ในบริเวณชายหาดในลำน้ำชี อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหมู่ที่ 5 บ้านท่าศาลา ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ตัวเรือฝังจมอยู่ใต้หาดทรายมีกาบเรือโผล่ขึ้นมาเหนือดินทรายเล็กน้อย หัวเรือหันไปทางต้นน้ำ ตัวเรือหันออกมาทางลำน้ำชีเป็นแนวเฉียงกึ่งขวางทางน้ำ
ผู้ค้นพบคนแรกไม่ปรากฏแน่ชัด จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่หาปลาอยู่บริเวณนั้น บอกว่าพบตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 ช่วงฤดูน้ำหลากของทุกปีน้ำจะท่วมหลังหาด ชาวบ้านจะลากข่าย (ไหลมอง) บริเวณหลังหาด พอลากมาถึงบริเวณที่เรือฝังอยู่ ข่ายจะติดโครงเรือที่โผล่พ้นทรายขึ้นมา แล้วชาวบ้านก็จะตัดออก พอหน้าแล้งหาดทรายจะพ้นน้ำเป็นแนวยาว บางปีหัวเรือจะโผล่ทรายเล็กน้อย ชาวบ้านคิดว่าเป็นขอนไม้ฝังดินอยู่ ก็ก่อไฟเพื่อปิ้งปลา ทำอาหาร ดังจะเห็นปรากฏว่ามีรอยไฟไหม้ที่หัวเรืออยู่ พอช่วงปลายปี 2554 น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน คุ้งน้ำเหนือหาดพังทลายลงทำให้น้ำไหลเซาะหาดพัดพาไปตามน้ำ ทำให้หาดบริเวณนั้นตื้นเขิน โครงเรือจึงโผล่สูงขึ้น ด้วยความสงสัยจึงขุดสำรวจดูใต้พื้น พบว่า มีลักษณะคล้ายเรือใหญ่ จึงได้บอกกล่าวกันไปขุด โดยใช้แรงงานชาวบ้านและรถแบคโฮ 2 คัน ทำการขุดในวันที่ 4 และ 5 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 รวมเป็นเวลา 2 วัน หลังจากขุดพบและกู้ขึ้นจากพื้นหาดแล้วปรากฏว่าเป็นเรือขนาดใหญ่ มีความยาว 26.40 เมตร กว้าง 3.50 เมตร เป็นเรือติดด้วยไม้ตะเคียนทอง อยู่ในสภาพแข็งแรงและความสมบูรณ์ราว 70-80% เป็นเรือขนสินค้าในสมัยโบราณ ซึ่งเรียกว่า “เรือกระแซง”
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเรือโบราณ อายุราว 200 ปี
ในสมัยก่อนที่จะมีถนนหนทางเหมือนในปัจจุบัน ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเดินทางและขนส่งทางน้ำ เนื่องจากสามารถบรรทุกสินค้าได้เป็นจำนวนมากสะดวกรวดเร็วในการเดินทางติดต่อซื้อขายระหว่างเมืองต่าง ๆ รวมทั้งคนสมัยก่อนก็นิยมตั้งบ้านเรือนของตนเองไว้ใกล้แม่น้ำใหญ่ เช่น แม่น้ำชี เพื่อสะดวกในการติดต่อค้าขายและใช้น้ำในการอุปโภค บริโภค ทำการเกษตรและการประมง
แม่น้ำชีไหลลงบรรจบกับแม่น้ำมูล ณ บริเวณที่เป็นอาณาเขตของตำบลหนองบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี และตำบลหนองแวง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาวบ้านเรียกบริเวณที่แม่น้ำไหลบรรจบกันนี้ว่า “ปากเจ้า” ซึ่งเป็นฝั่งซ้ายของแม่น้ำมูล ตรงข้ามกับที่ตั้งบ้านวังยาง ตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
ดังนั้น เรือโบราณลำนี้ จึงน่าจะเป็นเรือที่ใช้ขนส่งสินค้าไปมาระหว่างแม่น้ำชี สู่แม่น้ำมูลตามบ้านเมืองต่าง ๆ จากจังหวัดชัยภูมิจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี หรือใช้ในการเดินทางไปมาระหว่างเมืองหรือหมู่บ้านต่าง ๆ ทั้งขาขึ้นและขาล่อง การขุดพบเรือโบราณนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งแก่อนุชนรุ่นหลังทำให้ทราบความเป็นมาของบรรพบุรุษ ทราบวิถีชีวิตของชุมชนในยุคสร้างบ้านแปงเมืองเป็นเมืองอุบลราชธานีและเมืองต่าง ๆ
เรือโบราณถูกขุดขึ้นและนำมาเก็บแสดงไว้ที่วัดอัมพวันนาราม บ้านท่าศาลา ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ศึกษาต่อไป
ลำดับเหตุการณ์การขุดเรือกระแซง วัดอัมพวันนาราม
- วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2555 นายธัชพร แสงงามวริสรา เกิดความสงสัยที่เห็นโครงเรือโผล่อยู่จึงใช้ไม้พายขุดทรายลงไปดูปรากฏว่าเป็นเรือใหญ่ จึงเรียกเพื่อนที่ไปหาปลาด้วยกันมาดู เห็นเป็นแน่ชัดจึงได้ขึ้นไปบอกชาวบ้านให้รู้ทั่วกัน
- วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2555 ชาวบ้านมีมติร่วมใจกันขุดเรือ โดยมีนายประจิตร ธานี อดีตกำนันตำบลชีทวน เจ้าของบริษัทไผ่สีทอง ได้นำรถแบคโฮ 2 คัน ไปขุดพร้อมแรงงานชาวบ้านกว่า 100 คน จนเห็นเป็นรูปเรือทั้งลำฝังอยู่ใต้หาดทราย
- วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2555 ได้ไปขุดต่อประมาณ เวลา 12.45 น. จึงยกขึ้นพ้นจากหาดทราย ตั้งไว้บริเวณหาดเพื่อผึ่งแดดให้ไม้แห้ง
- วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2555 ตัดไม้ไผ่เพื่อมัดเป็นแพขนาบข้างเรือทั้งสองข้าง ให้เรือสามารถลอยน้ำได้โดยไม้ไผ่ได้รับอนุเคราะห์จากนายบุญหลาย ธานี อดีตกำนันตำบลชีทวน นายวินัย ธานี และชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน
- วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2555 น้ำชีมีระดับสูงขึ้น เรือลอยตัวขึ้นได้จึงล่องน้ำข้ามฝั่งมาจอดไว้ที่บริเวณท่าน้ำหน้าวัดอัมพวันนาราม
- วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ล่องเรือลงไปท่าโศกซึ่งอยู่ใต้ท่าน้ำวัดอัมพวันนารามเล็กน้อยเพื่อลากเรือขึ้นฝั่งโดยทำเป็นรางเหล็ก ยกเรือขึ้นเหนือรางเหล็ก ใช้รถแบคโฮ 2 คัน พร้อมด้วยแรงงานชาวบ้านตำบลชีทวนกว่า 200 คน ชักลากมาเก็บไว้บริเวณวัดอัมพวันนาราม บ้านท่าศาลา ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเวลา 13.30 น.
ในการขุดพบเรือใหญ่โบราณขึ้นจากแม่น้ำชี ได้มีข่าวแพร่กระจายออกไป ทั้งกระจายข่าวทางสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ ทำให้ประชาชนทั่วสารทิศ เดินทางมาเยี่ยมชมเรือโบราณอย่างมากมายและต่อเนื่องมาโดยตลอดโดยเฉพาะใกล้วันหวยออก 1-2 วัน เมื่อได้รับเงินบริจาคทางคณะกรรมการจึงได้สร้างโครงหลังคามุงไว้เพื่อป้องกันแดดและฝนอยู่ระหว่างอุโบสถกับศาลาการเปรียญ
ที่ตั้ง วัดอัมพวันนาราม
บ้านท่าศาลา หมู่ 4 ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
พิกัดภูมิศาสตร์ วัดอัมพวันนาราม
15.268940, 104.645569000
บรรณานุกรม
ระลึก ธานี. (2553). บ้านท่าศาลา (พ.ศ.2460-2553). อุบลราชธานี: รุ่งศิลป์การพิมพ์ออฟเซ็ท.