วัดศรีอุบลรัตนาราม

วัดศรีอุบลรัตนารามหรือวัดศรีทอง อุบลราชธานี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ และสังกัดธรรมยุตินิกาย ภายในวัดมีพระแก้วบุษราคัม หนึ่งในพระแก้วสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถที่จำลองแบบมาจากพระอุโบสถของวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และมีพิพิธภัณฑ์วัดศรีอุบลรัตนารามอยู่ในอาคารศาลาการเปรียญหรือหอแจกที่มีรูปแบบศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงเกี่ยวกับพระพุทธรูป ผ้าห่อคัมภีร์ ตู้พระไตรปิฎก และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวอีสาน

front
ซุ้มประตูทางเข้าวัดศรีอุบลรัตนาราม

ประวัติวัดศรีอุบลรัตนารามหรือวัดศรีทอง อุบลราชธานี

วัดศรีอุบลรัตนารามหรือวัดศรีทอง เป็นวัดธรรมยุตินิกายวัดหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี สร้างเมื่อ พ.ศ. 2398 หลังจากสร้างวัดสุปัฏนารามวรวิหารแล้ว 2 ปี ตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สร้างโดยพระอุปราชโท (ต้นตระกูล ณ อุบล) ซึ่งท่านเป็นพระบิดาของพระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล) โดยท่านได้อุทิศที่ดินส่วนของท่านจำนวน 25 ไร่ สร้างเป็นวัด ในวันที่มีการกล่าวถวายที่ดินต่อหน้าพระเถระยกให้เป็นสมบัติในพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นการตั้งวัดนั้น ในยามราตรีกาลของวันนั้นเกิดนิมิตประหลาดขึ้น คือ มีแสงสว่างพวยพุ่งขึ้นเป็นสีเหลืองทองภายในบริเวณสวน จึงได้ถือนิมิตมงคลนี้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดศรีทอง” แล้วนิมนต์ท่านเทวธัมมี (ม้าว) จากวัดสุปัฏนารามวรวิหารเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านเจ้าอาวาสนี้เป็นพระสิทธิวิหาริกของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเป็นลูกศิษย์ของท่านพันธุโล (ดี) ได้สร้างพระอุโบสถ พระประธาน หอแจก พระประธานในหอแจก โดยพระอาจารย์สีทา ชัยเสโน เป็นช่างผู้อำนวยการ ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านเทวธัมมี (ม้าว) ที่ไปครองวัดบูรพาราม และเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระบูรพาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาสายอีสาน ได้มีผู้อัญเชิญเอาพระแก้วบุษราคัมของเจ้าพระตามาถวายเป็นสมบัติของวัด และเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ได้อัญเชิญเอาพระเจ้าทองทิพย์สำริดจากเวียงจันทน์มาถวายเป็นพระพุทธรูปประจำวัดนี้อีกองค์หนึ่งด้วย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปจำลองพระบางแห่งนครหลวงพระบางมาแต่โบราณ

ความสำคัญของวัดศรีอุบลรัตนาราม

  1. เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (พิธีดื่มน้ำสาบาน) ของบรรดาเหล่าข้าราชการ ในสมัยการปกครองแบบระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
  2. เป็นวัดที่ประกอบพิธีทำน้ำมุรธาภิเษก (พิธีปลุกเสกน้ำสรงสนานในงานบรมราชาภิเษกพระเจ้าแผ่นดิน) ในสมัยรัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9
  3. เป็นวัดที่มีวัตถุโบราณอันมีค่าหลายอย่าง ได้แก่ พระแก้วบุษราคัม พระทิพยเนตร พระประธานในพระอุโบสถ พระทองทิพย์ ตู้พระไตรปิฏกและใบลาน เป็นต้น
  4. เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนใกล้กับหน่วยงานราชการหลายแห่งและสถาบันการศึกษา ตลอดจนร้านค้าพาณิชย์ทั้งหลาย จึงเหมาะที่จะเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลและปฏิบัติธรรมชองชาวชุมชนที่อยู่ใกล้วัด
  5. วัดศรีอุบลรัตนารามเป็นแหล่งการศึกษาจะเห็นได้จากการเปิดสอน ทั่งฝ่ายปริยัติธรรมและสามัญศึกษา (เฉพาะคฤหัสถ์) ได้แก่
  • โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนารามในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จประกอบพิธีเปิดป้ายชื่อโรงเรียน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514
  • โรงเรียนพระปริยัติธรรมและบาลี เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. 2519
  • ศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. 2522

หอแจกหรือศาลาการเปรียญ วัดศรีอุบลรัตนาราม

หอแจกหรือศาลาการเปรียญของวัดศรีอุบลรัตนารามหรือวัดศรีทอง เป็นสถานที่ในการทำบุญทำทานของชาวบ้านในสมัยก่อน สร้างขึ้นในสมัยพระศาสนดิลก (ชิตเสโน เสน) เป็นเจ้าอาวาสวัด และในสมัยพระครูวิจิตรธรรมภาณี เป็นเจ้าอาวาส ได้มีการรื้อถอนและมีการสร้างประกอบใหม่เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามแผนผังของอาคารต่าง ๆ ภายในวัด

หอแจก เป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีบันไดทางขึ้น 4 ด้าน แป้นฝาไม้กระดานแบบสายบัวตั้งอยู่บนไม้พรึงเป็นลวดบัว มีหน้าต่างระหว่างช่วงเวลาด้านข้าง ด้านละ 10 ช่อง ด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ช่อง รวมทั้งหมด 24 ช่อง หน้าต่างจะสลักเป็นลวดลายเท้าสิงห์รองรับกรอบหน้าต่าง (หย่องหน้าต่าง) แต่ละช่องจะมีลวดลายที่มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน มีประตูทางเข้า 4 ช่อง หลังคาจั่วแบบปีกนกรอบด้าน ปีกนกกว้างตกแต่งด้วยรวยลำยองแบบเอกลักษณ์ของศาสนคารอีสานแท้ หน้าบันจำหลักไม้เป็นลายเทพนมทั้ง 2 ด้าน มุงด้วยแป้นไม้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสังกะสีแล้ว

wat_sriubon_06
หอแจกหรือศาลาการเปรียญวัดศรีอุบลรัตนารามก่อนการปรับปรุงซ่อมแซม
window
หย่องหน้าต่างและประตูของหอแจกวัดศรีอุบลรัตนาราม

โหง่ หรือ ช่อฟ้า รวยระกา ของหอแจกเป็นงานไม้แกะสลักรูปหัวพญานาคมีหงอนสะบัดพลิ้วงดงาม เรียงซ้อนกันสวยงาม ซึ่งแตกต่างจากช่อฟ้าของวัดทางภาคกลางที่จะมีเพียงหงอนเดียว ทำจากไม้ตะเคียน เดิมลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจก รูปแบบของโหง่นี้เป็นงานศิลปกรรมท้องถิ่นอุบลราชธานีโดยแท้ มีความงดงามและหาชมได้ยากแล้วในปัจจุบัน

museum
หอแจกที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ศรีอุบลรัตนาราม

ปัจจุบันหอแจกหรือศาลาการเปรียญของวัดศรีอุบลรัตนาราม ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ศรีอุบลรัตนาราม” โดยในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่แต่ยังคงใช้วัสดุและการตกแต่งแบบเดิม ชั้นบนของอาคารเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน ซึ่งพระประธานนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเทวธัมมี (ม้าว) เป็นเจ้าอาวาส เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชร แกะสลักจากไม้กันเกรา หน้าตักกว้าง 1.30 เมตร สูง 1.40 เมตร ลงรัก ทาชาดสีแดงปิดทองคำเปลวทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ภายในบุษบกไม้ทั้งหลัง บุษบกไม้นี้สร้างขึ้นพร้อมกันกับพระประธาน นอกจากนั้นก็ยังมีบุษบกไม้แบบเดียวกันนี้แต่มีขนาดลดหลั่นลงมาขนาบอยู่กับบุษบกพระประธานทั้งสองข้าง ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่

นอกจากนั้นแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงวัตถุโบราณต่าง ๆ ซึ่งมีอายุนับร้อยปี ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูปขนาดเล็กหลายองค์ที่ส่วนใหญ่มีพุทธลักษณะแบบล้านช้าง พบภายใต้ฐานพระพุทธรูปเมื่อคราวเคลื่อนย้ายซ่อมแซมหอแจก ตู้ลายรดน้ำปิดทองที่ใช้สำหรับเก็บพระไตรปิฎก ที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 รวมถึงตู้หนังสือซึ่งเป็นฝีมือของช่างท้องถิ่นทั้งเทคนิคการแกะสลัก ลายรดน้ำ และลายกระแหนะรักปั้น ลงรักปิดทอง ที่สะท้อนศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หนังสือผูก คัมภีร์ใบลาน ผ้าห่อคัมภีร์ใบลาน ซึ่งเดิมผู้ศรัทธาได้นำผ้าที่ยังไม่ผ่านการใช้งานมาถวายให้กับทางวัดเพื่อเป็นสมบัติของพระศาสนาและเพื่อใช้ห่อเก็บรักษาคัมภีร์ให้อยู่ได้นาน ๆ ซึ่งมีทั้งผ้าซิ่นสำหรับสตรี มีส่วนของหัวซิ่น ตัวซิ่น และตีนซิ่นครบถ้วน บางผืนขาดวิ่นไปตามกาลเวลา เป็นแหล่งศึกษาผ้าโบราณพื้นเมืองอีสานที่ทรงคุณค่า

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จทรงเปิดพิพิธภัณฑ์วัดศรีอุบลรัตนาราม เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันพุธ-วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.

พระอุโบสถ วัดศรีอุบลรัตนาราม

พระอุโบสถของวัดศรีอุบลรัตนาราม ได้ถอดแบบจำลองมาจาดพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ พระอุโบสถหลังนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนพระอุโบสถหลังเดิมที่มีอายุกว่า 100 ปี ที่มีสภาพเก่าแก่และทรุดโทรมมากไม่สามารถซ่อมแซมได้ เริ่มทีเดียวจึงคิดจะสร้างเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัมเท่านั้น แต่เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ จึงได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ล่วงหน้าไปก่อน และเริ่มสะสมงบประมาณการก่อสร้างจากเงินบริจาคที่ได้จากการจัดงานนมัสการสรงน้ำพระแก้วบุษราคัมที่ทางวัดได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและเงินบริจาคจากกิจการต่าง ๆ

wat_sriubon_03
พระอุโบสถวัดศรีอุบลรัตนารามหลังเดิม

เมื่อสะสมเงินบริจาคมาจนถึงปี พ.ศ. 2507 ก็ยังได้งบประมาณไม่เพียงพอต่อการก่อสร้าง ด้วยความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ท่านเจ้าคุณธรรมวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนรนาถสุนทริการาม จังหวัดพระนคร จึงได้ปรารภและขอร้องให้คุณหญิงตุ่น โกศัลวิตร เป็นผู้อุปถัมภ์ในการก่อสร้าง ซึ่งท่านผู้หญิงตุ่นมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่แล้วจึงได้บริจาคเงินส่วนตัวของท่านรวมกับเงินทุนสะสมของวัดเป็นงบประมาณก่อสร้างจนสามารถสร้างอุโบสถหลังนี้แล้วเสร็จ โดยได้เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2508 ใช้เวลาก่อสร้าง  2 ปี 5 เดือน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด 2,836,000 บาท นอกจากนั้นแล้วท่านผู้หญิงตุ่นยังได้ทำการก่อสร้างศาลาสันติสุขซึ่งตั้งอยู่ด้านขวาตอนหน้าของอุโบสถ เพื่อให้วัดได้ใช้สำหรับประกอบศาสนกิจต่าง ๆ อีกด้วย

อุโบสถวัดศรีอุบลรัตนาราม
พระอุโบสถวัดศรีอุบลรัตนาราม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาประกอบพิธีฉลองสมโภชฝังลูกนิมิต และยกช่อฟ้าในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2511 และทางวัดได้ทูลถวายพระอุโบสถหลังนี้ให้อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เปลี่ยนชื่อจาก “วัดศรีทอง” เป็น “วัดศรีอุบลรัตนาราม”

king
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาประกอบพิธีฉลองสมโภชฝังลูกนิมิต และยกช่อฟ้าในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2511
khunying_tun
คุณหญิงตุ่น โกศัลวัฒน์

ในปี พ.ศ. 2522 สมัยที่พระธรรมฐิติญาณเป็นเจ้าอาวาสนั้น วัดศรีอุบลรัตนารามได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ดังนั้น วัดศรีอุบลรัตนารามจึงได้รับพระราชทานผ้ากฐินเป็นประจำทุกปี และในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาซึ่งมีประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษา หรือที่เรียกว่า “เทียนหลวงพระราชทาน” ให้จังหวัดอุบลราชธานี เทียนพระราชทานนี้จะนำเข้าไปถวายในพระอารามหลวง ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันรับตามวาระกับพระอารามหลวงในจังหวัดอุบลราชธานีอีก  2 วัด คือ วัดมหาวนาราม และวัดสุปัฏนาราม

พระแก้วบุษราคัม วัดศรีอุบลรัตนาราม

พระแก้วบุษราคัม เป็นพระพุทธรูปบูชาหน้าตักกว้างประมาณ 3 นิ้ว สูงประมาณ 5 นิ้ว แกะด้วยบุษราคัมทึบทั้งแท่ง พระเศียรหุ้มด้วยพระศกสีทองทำเป็นเม็ด ๆ มีพระสังวาลประดับที่องค์พระ มีฐานหุ้มด้วยทองคำ เป็นพระพุทธรูปฝีมือช่างสกุลเชียงแสน ปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของนครเชียงรุ้ง พระเจ้าเชียงรุ้งทรงโปรดให้ช่างหลวงแกะสลักไว้เคารพบูชา จนปี พ.ศ. 2180 ฮ่อยกมาตีเชียงรุ้ง เจ้านายเชียงรุ้งอพยพมาอาศัยอยู่กับเจ้าสุริยวงศาธรรมาธิราช พระเจ้าล้านช้าง ต่อมาเจ้าปางคำเสกสมรสกับเจ้านางสุพรรณ พระราชนัดดาแห่งเชียงรุ้ง สร้างเมืองใหม่ที่ตำบลหนองบัวลุ่มภู ในนามเมืองใหม่ว่า เมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน เจ้าอินทกุมาร เชษฐาได้มอบพระแก้วบุษราคัมเป็นพระประจำตระกูลเมือง เมื่อพระวอพระตาอพยพจากหนองบัวลุ่มภูมาตั้งเมืองอุบลราชธานี ก็ได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาด้วย โดยนำมาประดิษฐานที่วัดหลวง ในสมัยเจ้าพระมหาเทวานุเคราะห์ เจ้าพระอุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร ได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมไปซ่อนที่บ้านยางวังกางฮุง เนื่องจากเกรงว่าเจ้าพรหมจะนำพระแก้วบุษราคัมไปถวายแก่เจ้านายกรุงเทพฯ จนเมื่อเจ้าพระอุปฮาดโทสร้างวัดศรีทองหรือวัดศรีอุบลรัตนาราม และนิมนต์พระเทวธัมมี (ม้าว) มาเป็นเจ้าอาวาส และอัญเชิญพระแก้วบุษราคัมจากบ้านยางวังกางฮุงมาถวายแด่พระเทวธัมมี (ม้าว) และประดิษฐานไว้ที่วัดศรีทองเพื่อเป็นมิ่งขวัญเมืองอุบลราชธานีต่อไป

bussarakam
พระแก้วบุษราคัม

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี ชาวอุบลราชธานีจะอัญเชิญพระแก้วบุษราคัมลงมาจากพระอุโบสถแล้วจัดขบวนแห่พระแก้วบุษราคัมรอบเมืองอุบลราชธานี เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้นมัสการและสรงน้ำองค์พระแก้วบุษราคัมกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งงานจะจัดไปจนถึงวันที่ 17 เมษายน ของทุกปี และเป็นการเปิดงานประเพณีสงกรานต์ของชาวอุบลราชธานีด้วย

bussarakum
การสรงน้ำพระแก้วบุษราคัมในช่วงประเพณีสงกรานต์ของทุกปี
wat3
พระวิหารพระพุทธประทานพร วัดศรีอุบลรัตนาราม
bell
หอระฆัง วัดศรีอุบลรัตนาราม
door
ซุ้มประตูวัดศรีอุบลรัตนาราม ที่สร้างอุทิศให้พระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล) ต้นตระกูล ณ อุบล ผู้บริจาคที่ดินสร้างวัด


ไหว้พระ 9 วัดในจังหวัดอุบลราชธานี : วัดศรีอุบลรัตนาราม

ที่ตั้ง วัดศรีอุบลรัตนาราม

ถนนอุปราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โทร 045-241-660

พิกัดภูมิศาสตร์ วัดศรีอุบลรัตนาราม

15.227782, 104.856257

บรรณานุกรม 

ขนิษฐา ทุมมากรณ์. ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองอุบล, วันที่ 22 มกราคม 2558. http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/picture.

ท่องธารธรรม ตามมูนเมืองอุบล แหล่งธรรมะและธรรมชาติ. (2553). อุบลราชธานี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.

ที่ระลึกในงานแสดงมุทิตาสักการะ พระวินัยโกศล (พระมหาทองคู่ สุขวฑฺฒโน ปธ.6) เจ้าอาวาสวัดศรีอุบลรัตนาราม พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี (ธ) ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2544. (2544). อุบลราชธานี: วัดศรีอุบลรัตนาราม.

ปิยะฉัตร ปีตะวรรณ และสุภัต รักเปี่ยม. (2541). สถาปัตยกรรมอุบลราชธานี. อุบลราชธานี: ชมรมอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่น จังหวัดอุบลราชธานี สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.

มะลิวัลย์ สินน้อย (ผู้รวบรวม). ฐานข้อมูลการท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานี, 18 มกราคม 2558. http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/ubontravel.

มะลิวัลย์ สินน้อย (ผู้รวบรวม). ฐานข้อมูลเลื่องลือเล่าขานพระดังเมืองอุบลราชธานี, วันที่ 17 มกราคม 2558. http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/monkubon.

ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูอุบลราชธานี. (2534). รายงานการประชุมเสวนาทางวิชาการ “วัดและประเพณีพื้นบ้าน”. อุบลราชธานี: ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูอุบลราชธานี.

Tag

การทอผ้าไหม การทำต้นเทียนพรรษา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การปฏิบัติธรรม การแกะสลักเทียนพรรษา ครูภูมิปัญญาไทย บุญมหาชาติ บุญเดือนแปด ชุมชนทำเทียนพรรษา บ้านชีทวน พักผ่อนหย่อนใจ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ดนตรีพื้นบ้าน ดนตรีพื้นเมืองอีสาน ต้นเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ ต้นเทียนพรรษาประเภทแกะสลัก ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประเพณีท้องถิ่น ประเพณีอีสาน ประเพณีแห่เทียนพรรษา วัดหนองป่าพง วิถีชีวิตคนอีสาน วิปัสสนากรรมฐาน ศิลปกรรมญวน ศิลปกรรมท้องถิ่นอีสาน ศิลปะญวน สถาปัตยกรรมท้องถิ่น สถาปัตยกรรมท้องถิ่นอีสาน สถาปัตยกรรมในพุทธศาสนา สาขาวัดหนองป่าพง สิม หัตถกรรมการทอผ้า อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอตระการพืชผล อำเภอน้ำยืน อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอวารินชำราบ อำเภอเขมราฐ อำเภอเขื่องใน อำเภอเดชอุดม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี อุโบสถ ฮีตสิบสอง