ชุมชนบ้านถ่อน เป็นชุมชนในตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นหนึ่งหมู่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์ศิลปะการฟ้อนกลองตุ้มซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานีไว้ ทั้งรูปแบบการฟ้อนและการแต่งกาย โดยจะใช้แสดงในงานรื่นเริง งานพิธีการ งานต้อนรับต่าง ๆ
การฟ้อนกลองตุ้ม บ้านถ่อน อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี
การฟ้อนกลองตุ้มของชาวบ้านถ่อนนั้น มีรูปแบบเดียวกันกับบ้านท่าลาด อำเภอวารินชำราบ ซึ่งจากงานวิจัยของอาจารย์คำล่า มุสิกา พบว่า จะเป็นการฟ้อนร่วมกันทั้งชายและหญิง มีเพียงลักษณะเดียวคือแบบโบราณ ขบวนฟ้อนนิยมจัดเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง และฟ้อนถอยหลัง แต่ปัจจุบัน ก็มีการปรับเปลี่ยนมาฟ้อนอยู่กับที่และฟ้อนเดินหน้าบ้าง ส่วนกลองตุ้มและพางฮาด ที่เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะก็อาจจะอยู่ส่วนหัว หรือท้ายขบวนก็ได้ สมัยก่อนจะฟ้อนในประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมขอฝน แต่ปัจจุบันไม่มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ แต่ชาวบ้านก็ยังสืบทอดและอนุรักษ์ไว้เพื่อแสดงในงานพิธีการ งานต้อนรับต่าง ๆ ของหมู่บ้าน
ท่าฟ้อนกลองตุ้มบ้านถ่อน
ท่าฟ้อนกลองตุ้มแบบโบราณ จะมีให้เห็นอยู่ 3 ท่า ซึ่งไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ ประกอบด้วย
- ท่าที่ 1 ตั้งแขนข้างหนึ่งขึ้นไว้ราวศีรษะ แขนอีกข้างกางไว้ล่างสุด และโบกไปมาตามจังหวะกลอง จากนั้นจะเพิ่มระดับความสูงของแขนที่กางนี้ขึ้นเรื่อย ๆ
- ท่าที่ 2 เมื่อโบกสูงขึ้นจนแขนอยู่ในระดับเหนือศีรษะ แขนจะตั้งขึ้นจนสุด ในระหว่างนี้ขาก็จะย้อนหรือย่อ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า โหย ไปด้วย
- ท่าที่ 3 จังหวะกลองจะเตือน 3 ครั้ง หัวหน้าจะให้สัญญาณตัก โดยการม้วนมือเข้าข้างในแล้วกางออก พอตักเสร็จ ก็จะเริ่มสลับแขนที่ยกและกางขึ้น สลับกันอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
รูปแบบการแต่งกายประกอบการฟ้อนกลองตุ้มบ้านถ่อน
- ผ้าโพกศีรษะ ปัจจุบันมีการสวมหมวกและนำผ้าโพกศีรษะมาพันที่หมวกด้วย
- ผ้าขิด ผูกเบี่ยงทับกันซ้ายขวา เป็นรูปกากบาท
- ดอกฝ้าย สวมเบี่ยงทับกันซ้ายขวาบนผ้าขิดหรือผ้าเบี่ยง ในสมัยโบราณจะใช้เหรียญสตางค์แดง หรือเงินบักคร้อ มาร้อยทำสายเบี่ยงเป็นเครื่องประดับ
- เสื้อเชิ้ตสีขาวหรือดำ
- ซวยมือ สวมซวยมือทั้ง 10 นิ้ว
- โสร่งไหม
- แว่นตาดำกันแดด
- สวมถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบ สมัยโบราณจะมีการสวมกำไลที่แขนและขาด้วย
บรรณานุกรม
คำล่า มุสิกาและคณะ. (2552). การอนุรักษ์พิธีกรรมและการแต่งกายในการฟ้อนกลองตุ้ม จังหวัดอุบลราชธานี. กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
บุญเทียบ โคตะสา. สัมภาษณ์, 22 กรกฎาคม 2559