วัดเก่าอายุกว่า 120 ปีที่จังหวัดอุบลราชธานี มีมูลเหตุในการสร้างวัด คือ การตั้งถิ่นฐานและการพัฒนาบ้านเมืองโดยเจ้านายพื้นเมือง การเผยแพร่และทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้เป็นที่ยึดหนี่ยวจิตใจของประชาชน จึงเกิดวัดต่าง ๆ ขึ้น เช่น วัดหลวง วัดกลาง วัดมหาวนาราม วัดมณีวนาราม วัดทุ่งศรีเมือง วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดเลียบ วัดไชยมงคล วัดแจ้ง วัดบูรพาราม วัดพลแพน วัดสารพัฒนึก วัดปทุมมาลัย เป็นต้น ผลงานการวิจัยของลลิดา บุญมี
อาจารย์ลลิดา บุญมี อาจารย์ประจำคณะศิลปประยุกต์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ทำการวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ของวัดกับภูมิทัศน์เมืองประวัติศาสตร์อุบลราชธานี (Relationship between temples and Ubon Ratchathai’s historic urban landscape) และได้รายงานไว้ในการประชุมวิชาการระดับชาติ “โฮมภูมิ ครั้งที่ 3 : Wisdom to the Future: ภูมิปัญญาสู่อนาคต” จัดโดย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 15-16 มิถุนายน 2560 ว่า ตำแหน่งที่ตั้งของวัดนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญในการการสร้างและการพัฒนาเมือง พื้นที่เมืองเก่าของอุบลราชธานีเป็นพื้นที่ชัยภูมิที่มีทำเลที่ตั้งเหมาะสมเจ้าเมืองได้เลือกตั้งถิ่นฐาน อยู่ในเขตตัวเมือง ซึ่งพบว่ามีวัดตั้งอยู่จำนวนมาก มีความสัมพันธ์กับชุมชนโดยรอบ ชาวบ้านมีการอุปถัมภ์อย่างสม่ำเสมอ และเรียกตนเองว่า คนคุ้มวันตามที่ตนอาศัยอยู่
วัดเก่าแก่ของจังหวัดอุบลราชธานีในที่นี้ หมายถึง วัดที่มีการสร้างระหว่างปี พ.ศ.2322-2439 ซึ่งถือเป็นช่วงแรกเริ่มของการสร้างบ้านแปงเมืองอุบลราชธานี วัดเหล่านี้จะมีอายุมากกว่า 120 ปี พบว่า มีการสร้างวัดทั้งหมด 21 วัด แต่มีการยุบไปแล้ว 3 วัด จึงยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน จำนวน 18 วัด ส่วนใหญ่วัดเหล่านี้จะถูกสร้างโดย เจ้านายพื้นเมืองหรือผู้ปกครองเมืองเป็นผู้สร้าง บางส่วนสร้างโดยพระราชาคณะและมีเจ้านายพื้นเมืองให้การอุปถัมภ์ และอีกบางส่วนสร้างโดยชาวบ้าน
ผลการวิจัย ทำให้สามารถแบ่งกลุ่มวัดออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ วัดที่สร้างริมฝั่งแม่น้ำมูล วัดที่สร้างบนแนวถนนหลวง วัดที่สร้างอยู่ใกล้ขอบเขตเมืองทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และวัดที่สร้างรอบเมือง (ออกจากเขื่อนธานีหรือกำแพงเมือง ถัดออกไปทางทิศเหนือ)
ตั้งถิ่นฐาน สร้างเมือง สร้างวัด
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มวัดที่สร้างหลังจากการตั้งถิ่นฐานเมือง ณ บริเวณดงอู่ผึ้งแล้ว จะเป็นวัดที่สร้างริมฝั่งแม่น้ำมูล ได้แก่ วัดหลวง วัดเหนือท่า วัดกลาง และวัดใต้ท่า แต่ปัจจุบันวัดเหนือท่าและวัดใต้ท่าได้ถูกยุบไปแล้ว
- วัดหลวง คือ วัดแห่งแรกของเมืองอุบลราชธานี ที่สร้างโดย พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (คำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนแรก
- วัดกลาง สร้างโดยราชวงศ์ก่ำ ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (คำผง)
ข้อมูลการสร้างวัด ตำแหน่งวัด ชื่อวัด และบริบทของวัด ช่วยอธิบายลักษณะการตั้งเมืองโดยใช้วัดในการระบุพื้นที่ ทำให้เห็นลักษณะวิธีการตั้งถิ่นฐาน พบว่า วัดกลุ่มนี้จะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล อยู่บนที่สูง น้ำท่วมไม่ถึง และมีเรือน(โฮง) ของชนชั้นเจ้านายตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันและมีความสัมพันธ์กัน ตำแหน่งที่ตั้งวัดยังช่วยอธิบายลักษณะทางธรรมชาติที่กำหนดให้เป็นขอบเขตของเมือง
สร้างวัด ขยายเมือง
กลุ่มที่ 2 วัดกลุ่มนี้จะสร้างบนแนวถนนหลวง ได้แก่ วัดมหาวนาราม วัดมณีวนาราม วัดทุ่งศรีเมือง และวัดสวนสวรรค์(ยุบไปแล้ว) เป็นกลุ่มวัดที่ตั้งอยู่นอกเขตเขื่อนธานีหรือกำแพงเมือง และสร้างในช่วงพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวทิดพรหม) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ 2
ลักษณะการเกิดวัดและความสัมพันธ์ของชื่อวัดต่อบริบท อธิบายให้เห็นภาพของพื้นที่นอกเขตกำแพงเมืองหรือพื้นที่นอกเมืองในเวลานั้นว่า บริเวณที่เป็นวัดมหาวนารามและวัดมณีวนารามเป็นป่า สงบ วิเวก และมีต้นไม้ใหญ่ ส่วนวัดทุ่งศรีเมือง ชื่อวัดแสดงให้เห็นภาพของท้องทุ่งที่น่าจะใช้สำหรับการเกษตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำกว่าบริเวณใกล้เคียง เหมาะแก่การปลูกข้าว
ลักษณะการสร้างวัดบนถนนหลวง ช่วยให้เห็นความสำคัญของถนนเส้นนี้ ที่นอกจากจะเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเรือน (โฮง) ของเจ้าเมืองไปยังวัดแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับศาสนา การหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ภาพของภูมิประเทศจากตำแหน่งที่ตั้งของวัด ภาพการเจริญเติบโตและการขยายเมืองออกมานอกเขตกำแพงเมือง เมื่อมีวัดแล้วชุมชนก็จะตามมา
สร้างวัดเผยแผ่ธรรมยุติกนิกายสู่อีสาน
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มวัดที่สร้างอยู่ใกล้ขอบเขตทิศตะวันออกและตะวันตกของเมือง ได้แก่ วัดใต้เทิง(วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ) วัดเลียบ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดสุทัศนาราม และวัดศรีอุบลรัตนาราม วัดในกลุ่มนี้เป็นวัดธรรมยุติกนิกาย และวัดสุปัฏนารามวรวิหาร คือ วัดธรรมยุติกนิกายวัดแรกของเมืองอุบลราชธานีและภาคอีสานที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯให้พระพรหมราชวงศา (กุทอง) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ 3 อาราธนาพระเถระท่านพนฺธุโล (ดี) และท่านเทวธมฺมี (ม้าว) ออกไปปฏิบัติธรรมและสร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ธรรมยุติกนิกายในภาคอีสาน
วัดธรรมยุติกนิกายนี้จะมีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดถูกต้องตามพระวินัยปฏิบัติ ตำแหน่งการสร้างวัดเหล่านี้จึงอยู่ในที่สงบ และอยู่บริเวณขอบเมือง เพื่อสร้างขอบเขตให้กับเมืองและเขตพื้นที่ของทุ่งศรีเมือง ส่งเสริมให้พื้นที่ของเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น
สร้างวัดธรรมยุติกนิกายคู่กับมหานิกาย
กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มวัดที่สร้างขึ้นที่บริเวณรอบนอกเมือง หรือวัดที่สร้างนอกเขตเขื่อนธานีหรือกำแพงเมืองถัดไปทางทิศเหนือ ได้แก่ วัดสว่างอารมณ์ วัดไชยมงคล วัดทองนพคุณ วัดปทุมาลัย วัดแจ้ง วัดพลแพน วัดสารพัฒนึก และวัดบูรพาราม สร้างในช่วงสมัยพระพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ 4 ซึ่งมีนโยบายในการสร้างวัดคือ “เมื่อผู้ใดดำริจะสร้างวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ก็จะต้องสร้างวัดฝ่ายมหานิกายควบคู่กันไป” เพื่อป้องกันความบาดหมางและการโอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
วัดที่สร้างคู่กันตามนโยบาย ได้แก่
- วัดไชยมงคล (ธรรมยุติกนิกาย) สร้างคู่กับวัดทองนพคุณและวัดแจ้ง (มหานิกาย)
- วัดบูรพาราม (ธรรมยุติกนิกาย) สร้างคู่กับวัดสารพัฒนึก (มหานิกาย)
การสร้างวัดกลุ่มนี้แสดงถึงการขยายตัวของเมืองขึ้นไปทางทิศเหนือ หรือตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นขอบเขตเมืองอีกชั้นหนึ่ง
การสร้างวัดในเมืองอุบลราชธานีนั้นสัมพันธ์การการตั้งถิ่นฐาน การแสดงขอบเขตเมือง และการขยายตัวเมือง นอกจากนั้น ยังพบเส้นทางการสัญจรที่เกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างวัด ทำให้กลายเป็นจุดสังเกต (Landmark) ของเมือง เป็นจุดสร้างการจดจำ ใช้อ้างอิงตำแหน่งและทิศทางในการเดินทางในเมือง
เอกสารอ้างอิง
ลลิดา บุญมี. (2560). ความสัมพันธ์ของวัดกับภูมิทัศน์เมืองประวัติศาสตร์อุบลราชธานี.ใน การประชุมวิชาการระดับชาติ “โฮมภูมิ ครั้งที่ 3: Wisdom to the Future: ภูมิปัญญาสู่อนาคต”. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 15-16 มิถุนายน 2560. ขอนแก่น: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์. หน้า 321-332