สถานีรถไฟอุบลราชธานี โทร. 1690 ตั้งอยู่ที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เดิมชื่อสถานีวารินทร์ เป็นสถานีสุดท้ายของเส้นทางรถไฟสายอีสานใต้ รถไฟสายนี้ทำให้ประเทศไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทาง รวมทั้งการขนส่งและการกระจายสินค้า วิถีชีวิตของคนอีสานเปลี่ยนแปลงจากการทำเกษตรเพื่อบริโภคในครัวเรือนกลายเป็นการผลิตเพื่อขาย และมีอาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ความเป็นมาและความสำคัญของรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
การก่อสร้างรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือมีเหตุผล 2 ประการ คือ เหตุผลด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคงของประเทศ กล่าวคือ ช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็วในหารขนส่งผู้คนและสินค้าระหว่างเมืองหลวงกับภาคอีสาน ส่วนด้านความมั่นคงนั้น ด้วยเวลานั้นฝรั่งเศสได้ครอบครองเพื่อนบ้านที่ติดกับไทย คือ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ฝรั่งเศสได้แสดงท่าทีและพฤติกรรมที่คุกคามไทยหลายครั้ง นำมาสู่ความขัดแย้ง จนกระทั่งไทยต้องเสียดินแดนสิบสองจุไทให้แก่ฝรั่งเศสใน พ.ศ.2431 จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเสื่อมลงตามลำดับ ทำให้ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการสร้างทางรถไฟและนำมาสู่การก่อสร้างทางรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเวลาต่อมา
การก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากนครราชสีมา-อุบลราชธานี
การก่อสร้างเส้นทางรถไฟมาถึงจังหวัดอุบลราชธานีนั้น เกิดขึ้นหลังจากการก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมาแล้วเสร็จและเปิดการเดินรถ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2443 จนถึงปี พ.ศ. 2460 จึงได้เริ่มทำการก่อสร้างทางรถไฟต่อไปยังสถานีอุบลราชธานี โดยเป็นทางกว้าง 1.00 เมตร เพื่อให้สอดคล้องกับ ขนาดทางรถไฟจากกรุงเทพ – นครราชสีมา ซึ่งเดิมได้วางเอาไว้ขนาดกว้าง 1.435 เมตร และอยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนให้มีความกว้าง 1.00 เมตร เท่ากับเส้นทางสายใต้
การก่อสร้างเส้นทางสายนี้ค่อนข้างราบรื่น เพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ใช้เจ้าหน้าที่และคนงานทั้งหมดเป็นคนไทย ไม่มีชาวต่างด้าว กรมรถไฟหลวงยังคงได้รับความร่วมมือจากกองทหารช่างให้มาช่วยทำการวางรางจากสถานีนครราชสีมาผ่านสถานีชุมทางถนนจิระถึงสถานีท่าช้าง รวมระยะทาง 21 กิโลเมตร เปิดการเดินรถได้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465 เป็นต้นมา การก่อสร้างได้ดำเนินต่อไป และสามารถเปิดการเดินรถได้ เป็นช่วง ๆ ตามลำดับ ดังต่อไปนี้
- 1 เมษายน พ.ศ. 2468 เปิดเดินรถจาก สถานีท่าช้าง ถึง สถานีบุรีรัมย์ ระยะทาง 91 กิโลเมตร
- 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 เปิดเดินรถจาก สถานีบุรีรัมย์ ถึง สถานีสุรินทร์ ระยะทาง 44 กิโลเมตร
- 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 เปิดเดินรถจาก สถานีสุรินทร์ ถึง สถานีห้วยทับทัน ระยะทาง 61 กิโลเมตร
- 1 สิงหาคม พ.ศ. 2471 เปิดเดินรถจาก สถานีห้วยทับทัน ถึง สถานีศรีสะเกษ ระยะทาง 34 กิโลเมตร
- 1 เมษายน พ.ศ. 2473 เปิดเดินรถจาก สถานีศรีสะเกษ ถึง สถานีอุบลราชธานี ระยะทาง 61 กิโลเมตร
รวมระยะทางทั้งหมดจากนครราชสีมา – อุบลราชธานี 312 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากกรุงเทพ-สถานีอุบลราชธานี ทั้งหมด 39 ปี (พ.ศ.2434-2473) ระยะทางรวม 575 กิโลเมตร และเนื่องจากสถานีปลายทางที่อุบลราชธานีนี้ อยู่ในเขตอำเภอวารินชำราบ ห่างจากฝั่งแม่น้ำมูล กรมรถไฟจึงได้วางทางแยกจากสถานีบุ่งหวาย ระยะทาง 7 กิโลเมตร ไปยังสถานีโพธิ์มูลซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล เพื่อความสะดวกในการรับส่งสินค้า ที่มาจากทางเรือในแม่น้ำมูล
ผลของการสร้างทางรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม รถไฟกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับการคมนาคม มีผู้คนเดินทางไปต่างพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งปริมาณและประเภทสินค้าที่เข้าและออกจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน จังหวัดหรือพื้นที่ที่เป็นทางผ่านกลายเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งและกระจายสินค้า วิถีชีวิตของผู้คนอีสานเปลี่ยนแปลงจากการทำเกษตรเพื่อบริโภคในครัวเรือนกลายเป็นการผลิตเพื่อขาย และมีอาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
แต่เดิม สถานีรถไฟอุบลราชธานีนั้นมีชื่อว่า “สถานีวารินทร์” เนื่องจากตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอวารินชำราบ จนถึงปี พ.ศ.2485 จึงได้เปลี่ยนชื่อจากสถานีวารินทร์ เป็น “สถานีอุบลราชธานี” จนถึงปัจจุบัน
สถานีรถไฟอุบลราชธานีนั้นมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ย้อนระลึกถึงบทบาทและความสำคัญในอดีตที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะพื้นที่อีสานตอนใต้ และยังคงความสำคัญอยู่จนถึงปัจจุบัน
ที่ตั้ง สถานีรถไฟอุบลราชธานี
ตำบลคำน้ำแซบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โทร.1690
พิกัดภูมิศาสตร์ สถานีรถไฟอุบลราชธานี
15.200529, 104.858639
บรรณานุกรม
สถานีรถไฟอุบลราชธานี, วันที่ 22 สิงหาคม 2559. https://www.facebook.com/สถานีรถไฟอุบลราชธานี
สุนันทา เจริญปัญญายิ่ง. ทางรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน), วันที่ 22 สิงหาคม 2559. http://www.tri.chula.ac.th/triresearch/neast/neast.html