อันดับชีวิตขั้นที่ 3 ต่อจากการบวชมาก็คือ การกินดอง ชีวิตขั้นนี้โบราณถือว่าสำคัญมาก เพราะเป็นชีวิตต้องพึ่งตัวเอง และต่อสู้อุปสรรคนานานับประการ เป็นชีวิตที่ก้าวหน้าขึ้น เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นพ่อคน แม่คน ดังนั้นผู้ที่จะก้าวขึ้นสู่ชีวิตขั้นนี้ จะต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ การกินเลี้ยงในงานเอาผัวเอาเมียเรียก การกินดอง ที่นิยมทำกันมี 2 แบบ คือ
- ชายหญิงที่แต่งงานกันแล้วชายไปอยู่ที่บ้านของหญิง เรียก อาวาหะมงคล พิธีนี้โบราณถือว่าดีนัก ดังภาษิตที่ว่า "เอาลูกเขยมาเลี้ยงพ่อเฒ่าแม่เฒ่าปานได้ข้าวมาใส่เล้าใส่เยีย"
- ชายหญิงที่แต่งงานกันแล้ว หญิงไปอยู่ที่บ้านของชาย เรียก วิวาหะมงคลี พิธีนี้โบราณถือว่าไม่ดี ดังภาษิตว่า "เอาลูกใภ้มาเลี้ยงย่า ปานเอาผีเอาห่ามาใส่เฮือนใส่ชาน"
การเลือกคู่ครอง
ชายหญิงที่สมสู่อยู่ร่วมกันโดยฐานะเป็นผัวเมียกัน เรียกว่า คู่ครอง โบราณแยกคู่ครองไว้ 2 พวก พวกหนึ่งเคยอยู่ร่วมในชาติปางก่อน อีกพวกหนึ่งได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน
การเลือกคู่ครองหนังสือ ธรรมดาสอนโลก ว่าไว้ดังนี้
- หญิงชายที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ควรเลือกเป็นคู่ครองแล้วให้ทำตามประเพณี และต้องเคารพผี (ค้ำ) เรือน ถ้าไม่ทำมักเกิดโทษไม่ตายก็หย่าร้างหาความสุขความเจริญไม่ได้
- หญิงชายที่พ่อแม่ตายแล้ว ไม่ควรเลือกเป็นคู่ครอง ถ้าจำเป็นได้เลือกให้ปลูกปะรำนอกเรือน และ สมมาโคตรวงศ์ที่นั่นจักอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าไม่ทำดังกล่าวมาจักเกิดโทษ ไม่หม้ายก็ร้างไม่มีความเจริญรุ่งเรือง
- ชายหญิงที่พ่อตายแล้ว ไม่ควรเลือกเป็นคู่ครอง ถ้าเลือกจักเกิดเป็นโทษแก่ตนเองและบริวาร หาความสุขกาย สบายใจไม่ได้แล
- ฝ่ายชายที่พ่อตาย ฝ่ายหญิงที่แม่ตาย ไม่ควรเลือกเป็นคู่ครอง ถ้าเลือกจักเกิดโทษ ไม่ตายก็หย่าร้าง หรือจักเป็นอันตราย แก่ลูกที่เกิดมา
- ฝ่ายหนึ่งทุกข์ฝ่ายหนึ่งมั่งมี ควรเลือกเป็นคู่ครอง ถ้าทุกข์ทั้งสองฝ่ายไม่ควรเลือกเป็นคู่ครองเลย จักทุกข์ได้ยากลำบากแล
- หญิงคนใช้ในเรือน หรือหญิงที่ชอบเล่นหอก ดาบ หลาว แหลมไม่ควรเลือกเป็นคู่ครอง เพราะจะนำความวิบัติมาสู่ตนแล
- พญาเอาคนใช้เป็นคู่ครองจักเกิดความฉิบหายแล
- เอาลูกสาวเป็นคู่ครองจักเข็ดขวาง พินาศ ฉิบหาย มากนักแล
- เอาทาสเป็นคู่ครองจักเกิดความฉิบหายแล
คู่ครองที่เจริญ
- มีความเคารพ พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และสิ่งศักสิทธิ์
- รักใคร่นับถือญาติพี่น้อง
- เมียปฏิบัติผัวดังนี้
- เคารพและรักผัว
- ตื่นก่อนนอนที่หลังผัว
- ปฏิบัติ ปัฏฐากผัว (จัดของกินของใช้)
- วันศิล วันพระสมมาผัว
- เวลากินให้ผัวลงมือก่อน
- เดินบนเรือนให้ค่อยเดิน
- อย่าพูดเสียงดัง
- เอาเท้าผัวเช็ดผมก่อนนอน
คู่ครองที่เสื่อม
- เอาเสื้อผ้าเก่ามารองหรือหนุนศีรษะนอน
- เอาไม้แก่นหรือไม้หางครกมอง (กระเดือง) ถูตัว
- เอาชายผ้า (กะเตี่ยว) ที่นุ่งมาเช็ดหน้า
- ดุด่ากัน
- กระทืบเท้าก่อนขึ้นบันได
- เอาผ้าซิ่นปัดป่ายหลังผัว
- กลางคืนปัดกวาดเรือน เวลาปัดกวาดเอามือผลักหลังผัว
- ฝน (ลับ) มีด พร้า สิ่ว ขวาน หอก ดาบ ตอนกลางคืน
การเลือกคู่ครอง ถ้าเลือกได้ดีทำได้ถูก จะมีความสุขความเจริญอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง ถึงทุกข์จนมาก่อน ก็จะมั่งมีกลายเป็นเศรษฐีไปก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่คู่ครองนั้นจะมีความรักสมัครสมานถูกต้อง ปรองดองกันได้น้อยมากเพียงใด หากเลือกแล้วแต่ไม่ได้ดี หรือหาดีไม่ได้ถือว่าเป็นกรรมของเราอยู่ก็ไม่ดี หนีก็ไม่รอด ให้ถือว่า กกมิ่งแขวนกกแนนห้อย ดังภาษิตโบราณว่า "ชะตามาตกนี่จำหนีก็ได้อยู่ แผ่นดินท่อหมากบ้า แผ่นฟ้าท่อด้งหม้อนขอเมี้ยนกระดูกดอม"
ลักษณะของชาย ชายที่ดีต้องประกอบด้วยลักษณะดังนี้
- รูปสมบัติ มีรูปร่างสมประกอบ ไม่พิกลพิการเสียแข้งขา หู ตา เป็นต้น
- คุณสมบัติความรู้ ประพฤติดีมีศีลธรรม เคารพต่อกฏหมายและจารีตประเพณีของบ้านเมือง
- ฐานะสมบัติ มีเรือนชานบ้านช่องที่ทำมาหากิน ชายที่มีลักษณะดังนี้สมควรที่หญิงจะเลือกเอาเป็นคู่ครองอย่างแท้จริง
ลักษณะของหญิง หญิงที่ดีต้องประกอบด้วยลักษณะดังนี้
- หญิงที่ดีสมควรที่ผู้ชายจะเลือกเอาเป็นคู่ครองต้องมีลักษณะไม่เหมือนผู้ชาย แต่เพราะผู้หญิงนอกจากเป็นเมียแล้ว จะต้องเป็นแม่เรือนอีกด้วยจึงต้องเพิ่มลักษณะแม่เรือนเข้าอีก คือ ต้องรู้จักเรือน 3 น้ำ 4
เรือน 3 นั้น ได้แก่เรือนทั้งสามนี้ต้องรักษาให้สะอาด ได้แก่ เรือนผม เรือนไฟ (ห้องครัว) และเรือนนอน (ห้องนอน)
น้ำ 4 นั้น ได้แก่ น้ำใจ น้ำเต้าปูน น้ำใช้ และน้ำกิน น้ำเหล่านี้ต้องให้สะอาดและให้เต็มบริบูรณ์ ดังภาษิตว่า "หญิงใดสมบูรณ์ด้วยเฮือนสามน้ำสี่ เป็นหญิงดีเลิศล้ำสมควรแท้แม่เฮือน"?
การเล่นสาว
การที่ชายไปพูดเกี้ยวพาราสีหญิงเรียกการเล่นสาว การเล่นของคนโบราณเป็นการแสดงวัฒนธรรมอันดีอย่างหนึ่ง คือ คนโบราณนั้น เมื่อสมัครรักใคร่กันแล้ว ไม่มีการล่วงเกินแม้กระทั่งจับมือถือแขน มีความซื่อสัตย์ต่อกัน ถึงผู้ชายจะไปค้าขายเป็นแรมปีก็รอคอย ชายก็เหมือนกัน เมื่อสมัครรักใคร่กันแล้ว ก็ทำการสู่ขอตามประเพณี
การโอม
การไปสู่ขอหญิงสาวมาให้เป็นเมียของชาย เรียก การโอม การโอมนั้นทำดังนี้ คือ จัดขันหมากธรรมดา มีหมากจีบพลูพันใส่ขัน 1 ขัน กับเงิน 3 บาท เงินนี้เป็นค่าจ้างพ่อแม่ของหญิง เรียกเงินไขปากไขคอ ใช้ให้เจ้าโคตรฝ่ายชาย 2 คน นำขันหมากนี้ไป ขอต่อพ่อแม่ของหญิง ถ้าพ่อแม่ของหญิง ยินยอมที่จะยกลูกสาวให้ก็จะรับเอาเงิน 3 บาท นั้น แล้วคาด ค่าดอง ถ้าไม่ตกลงก็ส่งเงินคืน
ค่าดอง
ราคาตัวของหญิงหรือสินสอด เรียก ค่าดอง เมื่อพ่อแม่ของหญิงตกลงปลงใจแล้วจะต้องมาตีราคาของหญิงเป็นน้ำเงิน การตีราคานั้นถือตามฮีตบ้านครองเมือง จารีตมีว่า ถ้าเป็นเจ้าเมือง อุปราช ราชบุตร เมืองแสน เมืองจันทร์ ตีราคาค่าตัว 6 ตำลึง ถ้าเป็นลูกตาแสง นายกรม นายกอง ตีราคาค่าตัว 3 ตำลึง ถ้าเป็นลูกคนธรรมดาสามัญ ตีราคาค่าตัว 6 บาท การมาดค่าตราคาของหญิงนั้น เจ้าโคตรฝ่ายชายมักจะขอต่อรอง ถ้าตกลงกันเท่าไรจะต้องนำเงินนั้นมาให้แก่หญิงในวันแต่งงาน
การหมาย
การสู่ขออีกอย่างหนึ่งเรียก การหมาย คือ เจ้าโคตรฝ่ายชายจัดหาหมากพลู กล้วยอ้อย แล้วข้าวต้ม เต็ม 2 กระหยั่ง ให้คน 2 คน นำไปขอหญิงต่อพ่อแม่ของหญิง ถ้าพ่อแม่ของหญิงพอใจก็รับเอาไว้ ไม่พอใจก็ไม่รับ เมื่อรับของหมายแล้ว ภายหลังเกิดไม่พอใจจะแต่งงานด้วย ถ้าเป็นชายไม่พอใจของที่นำไปหมายพร้อมกับเงิน 3 บาท ตกเป็นของหญิง ชายเรียกเอาคืนไม่ได้ ถ้าหญิงไม่พอใจชายต้องเสียเงินค่าข้าวต้ม 2 กระหยั่ง เป็นเงิน 5 บาท และคืนเงินไขปาก 3 บาทให้แก่ชาย หากตกลงปลงใจทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหญิงจะแจกข้าวต้ม 2 กระหยั่งให้พี่น้องกินพอถึง 3 วันแล้วนำกระหยั่งเปล่า 2 ใบ ส่งคืน ให้แก่ฝ่ายชายแล้วตกลง หาฤกษ์งามยามดีเพื่อประกอบพิธีต่อไป
ของฝาก
สัญญลักษณ์แห่งความรักใคร่ที่ฝ่ายชายนำไปมอบให้แก่ฝ่ายหญิงเรียก ของฝาก ของฝากนั้นมีสร้อยแหวน เงินคำ เป็นต้น หญิงจะต้องเก็บรักษาของนั้นไว้มิให้สูญเสียเมื่อผู้หญิงเกิดไม่พอใจต้องส่งสิ่งของของทั้งหมดคืนให้แก่ชาย แต่ถ้าเกิดความไม่พอใจ ไปแต่งงานกับหญิงอื่นของฝากทั้งหมดตกเป็นของหญิง ผู้ชายจะเรียกเอาคืนมาไม่ได้ ของฝากชนิดนี้รู้กันเฉพาะชายหญิง จึงเรียกของชนิดนี้ว่า ของฝากปกปิด
ของฝากอีกชนิดหนึ่งเป็นของเปิดเผยรู้เห็นกันทั่วไปในพวกวงศาคณาญาติ เป็นของฝากที่นำไปสู่ขอหญิงสาวมีขันหมาก กล้วย อ้อย ข้าวต้ม 4 กระหยั่ง และตะกร้าใบเล็กสานด้วยไม้ไผ่สำหรับใส่ของมี ไข่ ถั่ว งา พลู หมาก ข้าวสาร สีเสียด เม็ดฝ้าย ข้าวเปลือก ตะกร้านี้มีจำนวนไม่เท่ากัน ถ้าจะนำไปสู่ขอหญิงที่เป็นลูกคนแรก และลูกคนสุดท้องใช้ ตะกร้า 32 ใบ ของหญิงที่เป็นลูกคนกลางใช้ตะกร้า 16 ใบ กับเงินอีก 2 บาท ให้ฝ่ายชายนำสิ่งของเหล่านี้ไปขอต่อหน้าพ่อแม่ของฝ่ายหญิง เมื่อพ่อแม่ของหญิงรับสิ่งของเหล่านั้นไว้ ถือว่าเป็นการยินยอมยกลูกสาวให้ พ่อแม่หญิงจะเอาข้าวต้ม 2 กระหยั่ง กับเงิน 2 บาท จากฝ่ายชายแล้วส่งข้าวต้ม 2 กระหยั่ง กับค่าของฝากเป็นเงิน 10 บาทคืนให้แก่ฝ่ายชาย ส่วนของนอกนั้นพ่อแม่ ของฝ่ายหญิงจะแจกให้แก่พี่น้องของตนทั้งหมด
การปลูกเรือนใหม่
เมื่อตกลงจะแต่งงานกันแล้ว ฝ่ายชายจะจัดหาไม้ เครื่องเรือนนำไปปลูกที่บ้านของฝ่ายหญิง การปลูกก็บอกเล่าญาติพี่น้องให้มาช่วย สำหรับอาหารการกิน เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงจัดหา การปลูกจะต้องทำให้เสร็จ ในวันเดียวกัน ส่วนที่นอนมีเสื่อ มีหมอน เป็นต้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงจะต้องจัดหาไว้ให้พร้อมสรรพ
เครื่องสมมา
สิ่งของมี เสื่อ หมอน เสื้อ ผ้าซิ่น ซึ่งฝ่ายหญิงจัดทำเพื่อนำไปสมนาคุณแก่ฝ่ายชาย เรียกว่า เครื่องสมมา ของเหล่านี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงจะต้องเตรียมไว้ก่อนวันงาน เมื่อแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำของเหล่านี้ไปสมมาแด่เจ้าโคตรฝ่ายชาย
พิธีกินดอง
การกินดองเป็นพิธีที่จัดให้ใหญ่โตตามฐานะ ทำให้เสร็จภายในวันเดียว ณ ที่บ้านฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเตรียมการต้อนรับญาติพี่น้องจะมาช่วยเหลือ มีอาหารการกินเลี้ยงกันอย่างอุดมสมบูรณ์ที่บ้านฝ่ายชาย ยกเครื่องขันหมาก และพาขวัญออกมาตั้งไว้ที่บ้านฝ่ายหญิง ยกเครื่องสมนา เครื่องปูที่นอน และพาขวัญออกมาตั้งไว้ เมื่อญาติพี่น้องมาพร้อมกันแล้วจึงทำการสู่ขวัญ พิธีสู่ขวัญน้อย เมื่อได้เวลาฤกษ์งามยามดีแล้วต่างฝ่ายต่างทำการสู่ขวัญที่บ้านใครบ้านมัน พอสู่ขวัญเสร็จแล้วก็ผูกข้อต่อแขน ฝ่ายชายแห่ขันหมากมาบ้านฝ่ายหญิง
พิธีแห่ขันหมาก
เครื่องขันหมากมี 3 ขัน ขันใส่เงินค่าดอง 1 ขัน ใส่หมากจีบ พลูแนบ 1 ขัน ใส่เหล้ายา 1 ขัน ทั้งสามนี้ใช้ผ้าสีต่างๆ คลุม ขันใส่เงินค่าดองให้ผู้เฒ่าเจ้าโคตรถือเดินออกก่อน ขันหมากและขันเหล้ายา ให้หญิงสาวบริสุทธิ์ 4 คน หามเดินตามหลัง พาขวัญเดินออกก่อนคู่บ่าวและญาติพี่น้องแห่แหนไปตาม เมื่อไปถึงเรือนผู้หญิงแล้ว เจ้าโคตรฝ่ายหญิงจะออกมารับเชิญให้ขึ้นไปบนเรือน
เมื่อขึ้นไปถึงแล้วเจ้าโคตรฝ่ายชายจะยกขันทั้ง 3 ให้ฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงเปิดขันค่าดองออกมานับ ถูกต้องแล้วมอบให้แก่พ่อแม่ของหญิง ส่วนขันเหล้ายาและหมากพลูก็แจกแบ่งตามกันเคี้ยวกัน อาหารการกินที่ฝ่ายหญิงจัดไว้ก็นำมาเลี้ยงดูกัน
พิธีสู่ขวัญกับก่าย
พอเสร็จการเลี้ยงแล้วก็มีการสู่ขวัญกับก่าย คือ ให้หญิงชายคู่นั้นเข้าพาขวัญด้วยกันเอามือก่ายกัน ให้แขนท้าวก่ายแขนนาง เอาแขนชายทับแขนหญิง เสร็จผูกแขนให้ชายหญิงแล้วเอาไข่มาปอก ใช้เส้นผมตัดตรงกลาง ตรวจดูไข่ว่าเต็มหรือไม่ ถ้าเต็มก็หมายความว่าบ่าวสาวนั้นจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสมบูรณ์ตลอด แล้วยื่นไข่ครึ่งหนึ่งให้ชาย ครึ่งหนึ่งให้หญิง ชายเอาไข่ของตนป้อนหญิง หญิงเอาไข่ของตนป้อนชาย เสร็จแล้วผู้ชายจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปสมมาพ่อแม่ โคตรวงศ์ของหญิง แล้วฝ่ายชายพากันกลับไปบ้านของตน
พิธีสมมา
เมื่อผู้ชายกลับไปแล้วเจ้าโคตรฝ่ายหญิงจะนำผู้หญิงไปสู่เรือนพ่อแม่ฝ่ายชาย เมื่อสมมาของที่จะสมมาพ่อแม่ผู้ชาย มีผ้า 1 ผืน ซิ่น 1 ผืน กับ เสื้อ 1 ผืน สมมาพ่อแม่ของผู้ชายโดยไม่คิดมูลค่าเจ้าโคตร ฝ่ายชายนอกนี้จะสมมาด้วยเสื่อสาด อาสนะอย่างหนึ่ง อย่างใดก็ได้ ตีเป็นราคาผูกเป็นเงินพอเสร็จแล้วกลับบ้านของตน
พิธีส่งตัวผู้ชาย
เวลาส่งผู้ชายไปอยู่เรือนผู้หญิงนั้น กำหนดเวลาโฮมแลง คือเวลาบ่าวโฮมสาว ประมาณว่า 2 ทุ่มเศษ เมื่อได้เวลาแล้วพากันแห่ชายไปส่งผู้เป็นหัวหน้าร้องบอกไปว่า "แม่เฒ่าเอยลูกเขยมาแล้ว ไขป่องเอี่ยมเยี่ยมเบิ่งลูกเขย" เมื่อไปถึงแล้วฝ่ายหญิงจะมาคอยต้อนรับเชื้อเชิญขึ้นไปบนเรือน แล้วนำอาหารมาเลี้ยงดูกันตามธรรมเนียม
พิธีปูที่นอน
เมื่อเสร็จการเลี้ยงแล้ว ผู้เฒ่าเจ้าโคตร ( ชายหญิง ) ที่มีฐานะดี มีความประพฤติดี มีลูกเต้าอยู่ด้วยกันมาไม่เคยหย่าร้างกันเป็นผู้ปูที่นอน ให้ปูของผู้ชายให้สูงไว้ทางขวา ของผู้หญิงให้ต่ำไว้ข้างซ้ายผ้าปูของผู้ชาย แล้วก็ทำพิธีนอนก่อน แล้วจึงลุกขึ้นมาจูงผู้หญิงเข้าไปก่อน จูงผู้ชายเข้าไปทีหลัง แล้วปิดประตูให้ชายหญิงนอนด้วยกันพอเป็นพิธี จึงเปิดประตูให้ชายหญิงออกมานั่งข้างนอกต่อหน้าผู้เฒ่าเจ้าโคตรทั้งสองฝ่าย การมอบตัวเจ้าโคตรฝ่ายหญิงจะได้บอกสอนหญิงให้รู้จักฮีตผัวครองเมีย รู้จักฮีตบ้านครองเรือน ให้ฮักแพงอยู่ดีกินดีด้วยกันตลอด พอจบการสอนแล้วเจ้าโคตรฝ่ายชายจะมอบหมายสายเส้นฝากฝังผู้ชายให้เป็นลูกเป็นเต้า เป็นอันเสร็จพิธีการกินดองแต่เพียงเท่านี้
การซู
ในการแต่งงาน ถ้าฝ่ายใดเคยเป็นฮ้างหรือหม้ายมาก่อน ฝ่ายนั้นจะต้องตาบฮ้างหรือหม้าย เช่น เมื่อผู้ชายบริสุทธิ์ไปแต่งงานกับหญิงที่เป็นฮ้างหรือหม้าย ควรจะแต่ง 20 บาทก็ลดลงมาเพียง 10 บาท การทำดังนี้ถือว่า เป็นความยุติธรรมดีเหมือนกัน การกินดองของคนโบราณนั้น หลังจากกินดองนี้แล้วจะต้องกินอีก 5 ครั้ง
ครั้งที่ 1 เรียก การแปลงขึ้น
เมื่อชายหญิงอยู่ด้วยกันมา 9 วัน แล้วผู้ชายจะต้องจัดหาเหล้า 1 ไห ไก่ต้ม 1 ตัว ถ้วย 1 ใบ เงิน 6 ลาด ไปไหว้ผู้หญิงเอาเหล้าไหไก่ตัวไปเลี้ยงญาติฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงต้องเก็บรักษาไหเปล่า ถ้วยเงิน 6 ลาดไว้ ถ้าส่งของเหล่านี้คืนให้ชายถือว่าหย่าร้างกัน ถ้าไม่ส่งคืนถือว่ายังเป็นผัวเมียกันอยู่ การนำของเหล่านี้ไปเลี้ยงผีหญิงก็เพื่อให้ผีฝ่ายหญิงหันมานับถือชาย จะเรียกว่าเปลี่ยนแปลงของฮักษาก็น่าจะถูก
ครั้งที่ 2 การกินกก
การกินเลี้ยงในเวลาได้ลูกคนแรก เรียกการกินกก คือเมื่อผัวเมียอยู่ด้วยกันมาได้ลูก 1 คน หรืออยู่ด้วยกันครบ 3 ปี แต่ไม่ได้ลูกก็ต้องจัดการกินดอง ผู้ชายจัดหาหมู 1 ตัว เหล้า 6 ไห ผู้หญิงหมู 2 ตัว เหล้า 8 ไห เอาไปรวมทำอาหารไปเลี้ยงที่บ้านผู้หญิง แต่แยกกันทำ เสร็จแล้วฝ่ายชายนำอาหารไปเลี้ยงผีฝ่ายหญิง แล้วเลี้ยงเจ้าโคตรทั้ง 2 ฝ่ายเช่นกัน เป็นเสร็จพิธีการกินกก
ครั้งที่ 3 การกินกาว
เมื่อผัวเมียอยู่ด้วยกันมาได้ลูกคนที 2 ต้องจัดการกินเลี้ยงอีกครั้งหนึ่ง การกินครั้งนี้เรียก กินกาว คือฝ่ายชายจัดหาหมู 1 ตัว ควาย 1 ตัว หญิงจัดหาหมู 1 ตัว ไปทำอาหารรวมกันที่บ้านผู้หญิง เสร็จแล้วนำไปเลี้ยงผีฝ่ายหญิง แล้วเลี้ยงเจ้าโคตรทั้ง 2 ฝ่าย เสร็จแล้วฝ่ายชายนำเงิน 6 ตำลึง กับควาย 1 ตัว (ถ้าควายไม่มีจะนับเอาตัวที่ฆ่าเลี้ยงเจ้าโคตรก็ได้) ไปขอหญิงจากพ่อแม่หญิงมาอยู่เรือนพ่อแม่ฝ่ายชาย ครั้นได้แล้วก็นำไปส่งที่บ้านฝ่ายชายเป็นอันเสร็จพิธีการกินกาว
ครั้งที่ 4 การกินซอด
เมื่อผัวเมียได้ลูกคนที่ 3 แล้ว ต้องจัดการกินเลี้ยงอีก ฝ่ายชายหาควายมา 1 ตัว ไปทำอาหารที่บ้านฝ่ายหญิง แล้วนำไปเลี้ยงผี เสร็จแล้วเลี้ยงเจ้าโคตรทั้ง 2 ฝ่าย
ครั้งที่ 5 หมูถมฮอย
เมื่อผัวเมียอยู่ด้วยกันได้ลูกคนที่ 4 ก็มีการกินเลี้ยงอีก การกินเลี้ยงในครั้งนี้เรียก หมูถมฮอย หรือเรียก ควายแม่ลูกผูกถุนแม่มันเลี้ยงลูกมันฆ่า การทำมีดังนี้ คือ ผู้ชายจัดหาหมูมาต้ม 1 ตัว หรือจะหาควายตัวเมียที่มีลูกติดเอามาผูกไว้เสามุมที่เรือนของหญิง แม่เอาไปเลี้ยง ลูกมันฆ่าทำอาหาร เสร็จแล้วนำไปเลี้ยงผี และหาไก่เป็นมาอีก 1 ตัว ผูกไว้ที่บันไดเรือนชั้นล่างมอบให้ผู้ที่ไปติดต่อขอหญิงมาให้เป็นเมียเอาไปเลี้ยง ไก่ตัวนี้มีชื่อว่า ไก่ซากปกนกซากห่ม แล้วนำอาหารไปเลี้ยงผู้ที่ไปขอหญิงมาให้สู่ขวัญ ให้เป็นเสร็จพิธีการกินดอง 5 ครั้ง ของคนโบราณเพียงเท่านี้
โอวาทธนญชัยเศรษฐี
เหมาะสำหรับหญิงที่จะไปเป็นแม่เรือนควรศึกษาและปฏิบัติให้ได้ จึงจะได้รับความสุขเรื่องมีอยู่ว่า ธนญชัยเศรษฐี เมื่อจะส่งนางวิสาขาไปเป็นเมียของมิคารเศรษฐี ให้โอวาทคำสอน 10 ข้อ
- อย่านำความผิดในบ้านไปเผยนอกบ้าน
- อย่านำความนินทานอกบ้านเข้ามาในบ้าน
- ใครให้จึงให้
- ใครไม่ให้ก็อย่าให้
- ญาติฝ่ายผัวหรือฝ่ายเมียที่ยากจนมาขอพึ่ง เขาจะให้หรือไม่ให้ก็ควรจะช่วยเหลือเขา
- พ่อผัวแม่ผัวทำงาน อย่านั่งดูเฉยจงช่วยเหลือท่าน
- ไม่บริโภคอาหารก่อนพ่อผัวแม่ผัว หามาให้แล้วจึงบริโภคภายหลัง
- ตื่นก่อนนอนทีหลัง
- ให้ยำเกรงพ่อผัวแม่ผัว เหมือนกลัวไฟหรืองูพิษ
- ให้เคารพพ่อผัวแม่ผัวเหมือนเทวดา
โอวาททั้ง 10 ข้อนี้ เหมาะสำหรับหญิงที่จะไปเป็นลูกสะใภ้
หน้าที่ผัว ที่ผัวจะต้องทำต่อเมีย
- ยกย่องนับถือเมีย
- ไม่ดูหมิ่นเมีย
- ไม่นอกใจเมีย
- มอบให้เมียเป็นแม่เรือน
- ให้เครื่องแต่งตัวเมีย
หน้าที่เมีย ที่เมียจะต้องทำต่อผัว
- ทำการงานของผัว
- สงเคราะห์คนข้างเคียงผัว
- ไม่นอกใจผัว
- รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาไว้
- ไม่เกียจคร้านในกิจการงาน
ที่มา : อรทัย เลียงจินดาถาวร. (2545). การจัดสร้างฐานข้อมูลและเผยแพร่ประเพณีการดำรงชีวิตของชาวไทยอีสานบน Web site. อุบลราชธานี: สำนักวิทยบริการ