ฟังลำกลอนทางสั้น เรื่อง ประวัติภาคอีสาน โดย หมอลำฤทธิ์ ไกยกิจ และ หมอลำสว่าง เชื้อหงษ์
ประวัติชาติแดนอีสาน
จักกล่าวเรื่องประวัติชาติแดนอีสาน พงศาวดานไทยแต่สมัยคราวกี้ ภาคอีสานเฮานี้มีอุบล ศรีสะเกษ ไผผู้มาก่อสร้างนามเค้าว่าจั่งได๋ มีประวัติบอกไว้จนฮอดเมืองสุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ราชสีมาพร้อมบันละหอมบานเห่นานาทามน้ำแก่ง บอกว้าแล่นแค้ง ๆ ปานล้อรถยนต์ พวกหมอลำใผบ่ทันใด๋คันกระสั่งย่าบึงสาบอกว่าคาเบิดคืนบ่มีใผสู่ ใผเรียนรู้ทีหลังให้ลำต่อ ให้หมอลำขี่ส่อรองเว้าต่อไป อีกหนึ่งใด๋ขอนแก่นสารคาม บ่ต้องถามเด้อคนสั่งสาสำเนียนิ่ง บอกว้าปานตุมกิ้งทันใจไวว่อง กาฬสินธุ์พนทอง ร้อยเอ็ดเจ็ดป่องเยี้ยมชาวเก้าแม่กระใด รอบรู้ได้ไปฮอดกาฬศัย หรือพิมายพายสงฆ์ หล่มเลยเรียนได้ เมืองหนองคายหนองข่อนเมืองอุดร ขอนแก่น อยากสมัครผู้แทนพุ้นละแหมเรื่องนี้คานั้นอย่าฝัน ภาคอีสานเฮานั้น มีสิบห้าสิบหกจังหวัด อธิบายให้ฟังชัดบ่ใด๋คาพอดี้ ผมสิขอใขซี้เมืองอุบลขึ้นก่อน นั้นเป็นดอนอู่เผิ่งคราวกี้ก่อนหลัง ท้าวคำผงเด้อผู้ตกแต่งตั้งพร้อมไผ่โยธา เจ้าพระยาสุรศรีกับมหากษัตริย์ศึก ใส่ประธานนามไว้ แต่ทีแรกว้าสิไปจัดตั้งแจระแมพื้นขุ่ม มันเป็นที่ราบลุ่มกะเลยฮ้างอย่าไป ท้าวก่ำได้อุบลราชคนสอง ทาวทิศพรม คนสามลูกหลานพระวอเจ้า ในราวสองพันสามร้อยยี่สิบสองต้องได้อ่าน ถ่านใด๋พาพวกพ้องไปตั้งอยู่ฝั่งมูล แก้วมรกตกะได้มาจากพุนแล้ว ชิงจากเวียงจันทน์ องค์สำคัญพิลึกมิ่งเมืองคูนค่ำ เจ้าพระยาทั้งห้าพระอินธาเอามาหล่อ ขอแก้วจากยักใด้เอาไว้หล่อหลอม พลพวกพ้องได้มาจากดอนมดแดง ใด๋มาแปลงเมืองอุบลให้ราบดีพีเกลี้ยง พอเมืองแปลงเสร็จเสี่ยง ให้คำผงขึ้นนั่ง จังใด๋ใส่ชื่อให้สัมไว้ว่าประทุมต่อจากนั้นเมืองอุบลกระจั่งฟุ้งฟูชื่อเจริญมา พระประทุมวงศา นั่งนองเป็นเจ้า คราวอุบลมาตั้งเป็นมณฑลขึ้นใหม่ มีข้าหลวงชั้นผู้ใหญ่มาปกครองสืบเนื่องเมืองบ้านต่อมา กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เด้อเป็นผู้แก้วกล้าว่าราชการหลวง จั่งเอานามมาลงค่ายทหารเดี๋ยวนี้ เอานามชี่กระจายเสียงบอกพ่อสรรพสิทธิประสงค์ออกอากาศอยู่สู่เมื่อได้ยินบ้อแม่หนู โจ๋ไว้หนี่จะได้กล่าวส.ก.อย้านแต่หมอลำหญิงสิบ่เห็นคือพี่คำว้า ส.ก.นี้ กระคือเมืองศรีสะเกษ กระนายชมตั่วใด้มาสร้างบ่แม่นใผ แต่ก่อนได้กระขึ้นสู่เมืองขุขันธ์แต่บ่ทันเป็นเมืองดั่งสมัยเดียวนี้ ยังมีบ้านพันชาแต่ก่อน มีหมู่บ้านสองตอนบ้านเจียอีหนึ่งคุ้มเคียงข้างบ่ห่างกัน ไกลตลาดเหนือนั้นใด๋บ้านเก่าพันชา ใด๋มาแปลงเป็นเมืองยุบลงนามบ้าน จั่งขนานนามเอิ้นเป็นเมืองศรีสะเกษคันเนตรฆ่าน้องเห็นตั้งแต่หัว ใส่ชื่อให้ศรีสะเกษตามศัพท์ ผมสิคัณณานับอ่านพอฟั่งใด้ ฟังไปหน่าเมืองุรินทร์บ่อนไห่ไล่ ตามสายรถไฟอยากรู้ว่าผู้สร้างสุรินทร์ขึ้นแต่นาน เดิมเป็นบ้านเรียกชื่อคูประทายขยายเป็นเมืองสุรินทร์แต่สมัยปางนั้น บาดนี้หันมาเว้า บุรีรัมย์ทีสี่มันเป็นที่ราบลุ่มเมืองสร้างตั้งแต่ดนมีผู้คนพบสิ่งสำคัญ มีด ขวาน ของโบราณแต่ก็เป็นหินล้วน ควรสิสันนิฐานได้กายมาแต่หลายหุ่น แต่สมัยหินปูนคนอาศัยป่าไม้บ่มีบ้านดั่งทุกวัน แต่ก่อนนั้นกระขึ้นสู่นางรอง เดียวนี้เป็นอำเภอยุบลงนามบ้าน จั่งขนานนามขึ้นบุรีรัมย์อย่างว่า ใด๋สิคาสำนี้ถามนอยบ่หลาย ย้ายจากหนี่นครราชสีมา เผิ่นว้าตาพานคอนราชสีมาหั่นจั่งได้พากันเอิ้นเป็นนามถ่วนถี่ ผู้หนึ่งว้าจั่งซี่สิจริงแท้บ่อนจั่งใด๋ แต่หนังสือวรรณคดีบอกไว้ คำว้าราชะนีใด๋กว้างใหญ่ไพสาร จนใด้เป็นมณฑลพร้อมอุบลทางนี้ สีมานั้นแปลนามว่าขอบเขตตั้งเป็นเมืองเอกแท้สมัยนั้นฝ่ายเหนือ เลยแต่งตั้งขุนคะนะกรรมการแต่สมัยกรุงธนนั่งเนาเมืองนี้ มีเมืองนำมาขึ้นมณฑลโคราช บดสร้างทางรถแล้วเจริญขึ้นว่องไว บาดนี้ใด้สิลำไล่ชัยภูมิ เห็นจะเป็นเมืองขอมแต่สมัยคราวกี้เพราะว้ามีรอยสร้างหักพังอยู่หลายอย่าง มีฮอดปรางกู่ฮ้างเพถิ่มอยู่หลาย ตั้งแต่ก่อนสมัยเวียงโยกย้ายขึ้นสู่กรุงศรีพอเมื่อถึงฤดูปีกระส่งของกันเลื้อย เลยมาเห็นสถานที่ชัยภูมิราบเลยรวมกลุ่มก่อสร้างเป็นบ้านด่านเมือง เรื่องแต่กี้มนุษย์ชาติลาวเวียง คือนายแลชาติลาวเวียงแท้ พาพลข้ามลำโขงมามาก นำเอาของส่งใช้ไทยเจ้าสู่ปี ชัยภูมินี้เป็นบ้านโนนน้ำอ้อมแต่ก่อนหัวที พอดีแปลงเป็นเมืองปากกันไปหั่น กระบ่อไกลกันช้ำกับโนนบ้านเก่า นายแลเป็นผู้เฒ่าเอาเพื่อนส่วนการ มีอยู่หกหมู่บ้านในเขตชัยภูมิเจ้ากรุงศรีเลยประธานนายแลเปลี่ยนนามลงให้ลงนามไว้นายแลเปลี่ยนใหม่ พ่อมัดดีชุมพลแลบอกไว้นามเพิ้นส่งเสริม เริ่มจากหั่นกระถึงแก่ความตาย เลยมาทำอนุสรณ์อยู่ฝั่งหนองปลาเฒ่า ตั้งขึ้นเป็นศาลเจ้าพระยาแลตนพ่อ เอาเถาะนอซ่ำนี้เมืองหน่าสิต่อไป บาดนี้ได้สิลำไล่กาฬสินธุ์ เคยได้ยินไหมนายเรื่องราวคราวกี้ จังหวัดกาฬสินธุ์นี้กระเป็นเมืองเก่าแก่ แต่เจ้าสมมะมิตพันมาตั้งอยู่ฝั่งธน สมมะมิตอยู่ต้นคนผู้อยู่เวียงจันทน์ ได้มากันอุบย้ายข้ามโขงมาพี่ พอดีมากันยั่งอยู่ริมลำแม่น้ำก่ำ เลยมาทำก่อสร้างแปลงบ้านต่อไป สมมะมิตได้เลยแต่งนามกร เป็นพระยาไชยสุนทรนั่งกาฬสินธ์ซ่ำ ลำเมืองกาฬสินธุ์แล้วสิลำไปเมืองใหม่ เมืองร้อยเอ็ดนี้กระได้เป็นบ้านเก่าหลัง ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาลไกล มันเป็นเมืองศรีวิลัยหรื่นเขาคราวกี้ จนได้มีเมืองขึ้นร้อยเอ็ดเมืองเผิ่นว่าในรายร้อยปีกว่าศักราชล่วงได้ไทยเจ้าหุ่งเฮือง มีกษัตริย์สืบเนื่องนับเบิ่งย่มีไหว แต่สมัยพุทธกาลมีพระยากุรุนทรนั่งปองเป็นเจ้า ร้อยหัวเมืองมาเข้าขอยอมขึ้นส่วนบ่ได้มีต่ำต้อยจนตั้งพระนคร หลัง ๆ มาภัยพิบัติเหรือดร้อนเมืองแตกสลายหนี มันบ่จักจักปีแต่เกิดเป็นเมืองฮ่าง มันเป็นเมืองนานล้ำปลางปฐมพระเจ้าหงึ่ม แต่สมัยปู่พื้มจนหาเรื่องบ่อต่อกัน
หมายเหตุ : กลอนลำอาจไม่ตรงกับเสียงที่หมอลำร้อง อาจเปลี่ยนไปตามลีลาของหมอลำแต่ละคน
หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายฤทธิ์ ไกยกิจ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นายสว่าง เชื้อหงส์ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี