ฟังกลอนลำล่อง เฉลิมพระเกียรติ โดย หมอลำทองคำ วงษาคำ และหมอลำอรทัย ซึมรัมย์

กลอนลำล่องเฉลิมพระเกียรติ

ไทยเอยไทย มวลชาวจำหรือไม่ ภาพแห่งความประทับใจ คงจำได้ช้ำหรือบ่ วันที่ 9 มิ.ย. ปี พ.ศ. 49 ไทยเฮาล้วนแหม่นชื่นชม สมใจล้วนหม่วนสู่คน วะเดไทย

9 มิ.ย. ปี 2489 หากวันเริ่มต้นทรงครองราชย์สมบัติ แทนพระบรมเชษฐา ทรงลาลับอย่างบ่มีวันโค้ง พระประสงค์พระองค์ท่านเสด็จไปโลซาน เผื่อทรงร้ำเรียนต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงแดนไกล ดอกคุณพ่อทรงระงับเถื่อนั้น เหตุการณ์ปิ้นเปลี่ยนผัน ในนครเถื่อนั้นมัวมืดโกลาหล ทั่วมณฑลสะหลดใจมืดมัวเมากุ้ม มรสุมที่รุมเร้ามหาราชไทยเฮา พระทัยเอ้ากั้นหน่วง พระทรงแสนเป็นห่วงสกนิกรไพร่ฟ้าสิหันหน้าดอกเผิ่งใผ คาวนั้นพระบาทไท้อนันทมหิดล ถูกรอบปลงพระชนม์ถึงสวรรคตบ่ตาวคืนมาได้ น้ำตาไทยไหลล้น อกฟังสิแตกหมุ่น จั่งได้กราบบังคมทูล พัฒฑะระแจ่มเจ้ามาขึ้นอยู่แทนทุกทีบแค้น ได้มีองค์ราชานั่งปองครองบ้าน การกายลุนเสด็จไปโลซาน เผื่อทรงศึกษาเพิ่มเสริมไทย ให้กล้าแกร่งประชาชนทุกหนแห่ง ส่งเสด็จทุกถ้วนหน้าพระไปได้ดั่งประสงค์ โบกสะบัดสะพัดฟ้งธงชาติแห่งชาวไทย น้ำตาไหลย้อนมีความยินดีบ่อาจมีคำอ้าง น้ำตาไหลกังสองข้าง น้ำตาพังปากฮ้องส่ง สาธุเดอพระสมเจตจำนง เสด็จคืนถิ่นยั้ง นครกว้างถิ่นสยาม ในตอนนั้นองค์ในหลวงเสด็จถึงฝั่งน้ำ พระชนเนตรรินไหล ในพระทัยองค์พระห่วงประชาชาวเชื้อ เหนือหัวเจ้าเหงาระทมก้มเกษ น้ำพระเนตรหลั่งย้อยพระองค์กลั้นดอกหวั่นไหว องค์มหาราชไท้ได้ทรงเปล่งพระวาจา ประชาชนชาวไทย บ่ห่างไลพระองค์เจ้า เฮาสิลืมจังใด๋ได้สายใจไทยแสนล้ำค่า อมตะพระวาจา องค์ราชาทรงเปร่งไว้ให้ไทยล้วนดอกสู่คน พระราชอมตะพรตนิรันกาลได้ผ่านพ้นฝังใจราชทั้งผอง ครองแผ่นดินโดยธรรม บ่ต่ำเลยดอกพอน้อย พระทรงคอยเป็นหลักค้ำ ทศพิธราชธรรมเสด็จช้วยทุกท้องที่ ราชประสบภัยรี พระราชทานผ่านช้วยให้ไทยได้ดอกอยู่เย็น  พระราชกรณียกิจบ่เคยได้หว่างเว้นพระเป็นหนึ่งในใจไทย หลายขวบชันพระษา โปรดส่วยเหลือเมืองบ้าน นานตราบนานเหลือที่ได้ผ่าน 60 ปีพระทรงได้หลิงหล่ำ ครองแผ่นดินโดยธรรม อมตะพระเปร่งไว้ ประแจ้งเจ้าสู่อัน โยติกาบ่อนบั้นมหาเลิกมงคล พวกปวงชนสาธุกาลแห่งราชันเจ้าภูมิพลองค์เหง้าทรงเอาไทยให้ม้มฝั่งไทยสุขขี จีรังบารมีพระห่อหุ้มให้ไทยได้ดอกชุ่มเย็น น้ำพระทัยเปรียบเช่น ชลหยาดรินไหล ให้คนไทยหายทุกข์ดื่มกินบ่มีเอื้อน ดุจดาวเดือนทอแสงจ้า เป็นแสงทองแห่งปัญญา บ่มีล่าดาษดื่น มวลประเทศอื่น ๆ ยังได้มาอยู่ช้น โพธิทองต้นพ่อหลวง พระราชสมมัญญาแผ่ไพรศาลใหญ่กว้างปวงชาวโลกได้ลือขาน พ่อสยามของชาวไทยหนึ่งอยู่ในแผ่นดินนี้ จนว่ามีนามเอิ้น ภูมิพลมหาราช เป็นจอมปราชญ์ผู้เก่งกล้าปรีชาล้วนเจ้าสู่แนว 60 ปีปวงไทยได้หน่วยแก้วมณีโชตคุณสูง ฝูงปวงชนไหลมาโฮมเต้าต่างก็ไหลเข้าในมณฑลจนแหน่นอั่ง กลางมณฑลพระที่นั่ง 9 มิ.ย. ปี 49 ปวงชนเข้าฮ่วมงาม หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ดังกึงก้องสะท้าน คลาคล่ำหมู่ฝูงชนต่างกะไหลลงมาบ่อาจพรรณนาได้ ต่างก็ไหลมาเข้าเนาประจำยังพื้นที่ ชื่นชมบารมี ของเหนือหัวผู้เก่งกล้าบ่มีล่าดอกห่างไกล ณ คืนนั้นเถิงเวลานั้นได้ 20 สิบแห่งนาฬิกา พระเสด็จมาถึงแห่งประจำพิธีกว้าง ปวงฝูงชนโฮฮ้องสรรเสริญเทิดพระเกียรติ โบกสะบัดผัดเพียด ธงไตรรงค์คงคู่ฟ้าประชาล้วนดอกชื่นใส เถิงเวลาพระมหาราชไทย ดำรัสผ่านขยายเสียง ให้ฮู้จักพอเพียงใฝ่สามัคคีไว้ ขัตติธนะภูวนัย พระราชดำรัส ดังกึงก้อง ทั่วลานทองกำประเทศ สื่อมวลชนถ่ายทอดหมดทุกช่องในท้องถิ่นสยาม ปวงชาวไทยน้ำตาไหลฮำหน้าพวกชาวไพร่พาราน้ำตาย้อยซึ้งเหลือที ทั้งปิติยินดีต่างไชโยโฮ่ฮ่องดังก้องทั่วลาน หน้าพระพักแห่งองค์พระบาทท่าน มหาราชภูมิพล ดั่งสายฝนชโลมดินต่างก็ยินดีพร้อม เมื่อจอมธรรมเหนือหัวเจ้ายกพระหัตรสะบัดโบก ทรงปัดโลกที่แห่งฮ้อนคืนช้ำเจ้าผ่องใสพระหัตขวามหาราชพระบาทไท้โบกให้แก่ฝูงชน บ่อาจทนทานไหวอิ่มเอิบใจนอเหลือที่ เถิงชีวีสิดับสิ้น ตายฝั่งดินปวงชนช้ำบ่อแหนงหน่าย เห็นพระพักแย้มขยายให้แก่ทวยราชซ้องโฮฮ่องดอกกล่าวขาน พระราชดำรัสแห่งองค์พระบาทท้านล้วนเต็มเปรี่ยมด้วยคุณธรรม พระทรงนำชาวพาราสุ่มเย็นบ่มีฮ้อน ขอพรชัยอินทร์พรมฟ้า พระสยามเทวา มาปกป้องทุกเช้าค่ำ สิบนิ้วของทองคำ ในนวนของคนไทยของถวายพระพร ให้พระสุขเลิศล้น อย่ามีได้เจ้าโม่นหมอง พระชนยิ่งว่าอยู่นาน ครบวาระบ่อนบั้นครองราชย์ครบ 60 ปี ทั่วธานีล้วนมีสุข ล้วนเผิ่งบารมีเจ้า ภูมิพลองค์เหง้าทรงเอาไทยให้พ้นผ่านใต้โพธิสมภาร ต่างมีสุขทุกย่อมหญ้า บ่มีได้เจ้าโหม่นหมอง ช่วยกันเดอพี่น้องปองดองฮักสามัคคี อย่าแบ่งสีปันแสงบ่ว่าแดง เหลือง ม่วง ปวงไทยเฮาเอากันไว้องค์พ่อหลวงของไทย พระราชทานไว้ ให้น้องพี่บ่แบ่งสรรปันสี มีสีเดียวดั่งด้านสยามล้วนดอกถิ่นไทย ซ่อยกันเดอน้องอ้าย อย่าแตกผ่ายบ่เป็นผล ไทยทุกคนดั่งอุทรมารดาเกิ่งกันเสมอด้าม นามว่าเป็นไทยนี้ จักรกรีวงศ์พระทรงห่วง เดียวนี้องค์ในหลวงทรงห่วงใยไพร่ฟ้า บ่หันหน้าเว้าต่อกัน ธงชาติไทยเถิงคาวขาด สบั้น ลูกหลานหั่นให้เป็นผง สีไตรรงค์จักสิแขวนอยู่เสาใด๋หากเผ่าไทยมะลายม้วน ทรงประชวรคอบว่าไทยเฮาฮ้าวชิงกันแตกแบ่ง มีประชันขันแข่งแบ่งเป็นชุมกลุ่มน้อยคอยมื้อสิมุ่นมี กลับใจสาแต่มื้อนี้ น้องพี่พวกชาวไทย มาร่วมใจสามัคคีให้อยู่ดีคือเค้า เอาความดีปกครองบ้านถวายองค์ราชัน พระองค์ท้านทรงเป็นห่วง พวกชาวไทยทั้งปวง สามัคคีก่อเกื้อเหนือหัวเจ้าสิส่วงเซา พระทัยเอ้าสิส่วงหาย สายใจไทย

หมายเหตุ : กลอนลำอาจไม่ตรงกับเสียงที่หมอลำร้อง อาจเปลี่ยนไปตามลีลาของหมอลำแต่ละคน

หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายทองคำ วงษาคำ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นางสาวอรทัย ซึมรัมย์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี