ฟังลำกลอน เรื่อง สังขาร โดย หมอลำบุญถนอม เสนาพันธ์ และหมอลำโสภา โพธารินทร์

กลอนสังขาร

โอ๋ละนอ … จั่งว่าตนเอ๋ยคนเกิดมาในโลก จักสิว่ามีโชคหรือว่ามีกรรม เกิดมาเป็นหมอลำชาวนาชาวให่ นักการเมืองแม่ใหญ่ นายก กำนัน อ.บ.ต. กะคือกันครูคันเผิ่นเว้า นามสมมุตินั้นเจ้าให้ฟังเบิ่งดี ๆ รวยปานใด๋ดีปานใด๋งามปานใด๋ตายไปแล้วเขากะเอิ้นว่าผีเดี๋ยวกะถือไฟจี นอ คนเฮ้ย

โอ๋ละนอ… นวล ๆ เอย…

เดินสังขาร

ละแม่นว่าเด้อนาย  ฟังเด้อเจ้าคนเฮาทุกฝ่าย เรื่องเกิดแก่เจ็บตายบ่มีทางลอดพ้น คนในพื้นแผ่นดิน หมดทุกสิ้นปวงหมู่สัตว์สา ตลอดหมูหมาแมวหมู่โลกากว้าง ปวงพรมฟ้าอินทราทุกน่าสังขารา แต่งขั้นบ่ยืนยั้งเที่ยงตรง เกิดแล้วโค้งมาแก่เจ็บตาย หมดทุกรายคือกันสู่แนวแกวย่อ เป็นคนนอมาแล้วบ่ทันคนวนอ่วย เช้าแล้วสวยเที่ยวค้ายมาฮายค่ำแลง เผิ่นบอกแจ้งในแห่งสังขาร เรื่องสงสารเวียดวัดบ่ยืนยาวยั้ง อะนิจังนอป้าสังขาราบ่เที่ยง มันหมุนเอียงอ่วยค้อยแคงข่วยต่อไป ไผกะฮู้การเกิดหรือตาย ดอกว่าเห็นมาหลายสู่คนคือเว้า เฮาวันนี้มาชุมกันกันถี่ นั่งฟังลำอยู่หนี่ตายแท้สู่คน รับรองว่าบ่มีไผลอดพ้นหนีจากความตาย แม่เอยแม่แต่สิตายยามใด๋ บ่มีไผฮู้ เปิดแฮงรู้เวาเฮาเกิด บาดห่าวันและมื้อตายนั้นบ่ส่องเห็น แม่นสิเฟ้นลี้อยู่ในฮูในภูในผา กะแม่นตายทั้งสิ้น มุดลงดินลงน้ำยามมันเถิงที บ่แม่นบ่อนสิลี้ตายแท้อี่หลี่ ควมตายนี่แขนคอลอมหล่อ ควมตายอยู่หม่อ ๆอยู่ฮูดังหมู่เจ้าเชิญให้เบิ่งเอา บาดลมหนีจากเจ้าเอิ้นว่าเบิ้ดไป เชาหันใจกะแม่นตายวายม้วน มวนหมู่ชุมของเข้านาเฮือนหลังใหญ่ เอาไปนำบ่ได้ยามม้วยหมิ่งมอญ เดี่ยวนี้ข่อนจ้อนหม่ออายุมันสิผุพังเพตั่วกายเฮานี่ เดินทางมาเถิ่งหนี่มันดนแล้วตั่วพอ หม่อสิเถิงบ่อนบั้นวันนิ่งพักเซา

เกิดมาเหิงกะเฒ่าชราแก่แววน นับเบิ่งคนหลายปีหม่อฮอมซอมแล้ว บ่มีแนวเฮาได้ปัจจัยเข้าใหม่เข้าใจบ้างหรือไม่ พุทธะองค์เผิ่นเว้า คำพะเจ้าสั่งสอน คนเกิดย้อนมูลเหตุอะวิชา สังคะราปรับปรุงแต่งมารแปลงปั้น กรรมาสรรมาสร้างหนทางอีกทอดหนึ่ง จึงชราแก่เฒ่าควมเค้าเรื่องมัน ที่สุดนั้นได้แก่ควมตาย ชายหรือยิงหากบ่มีไผม้ม พระพรมบุญฟ้าอินทราทุกท่า นาคนาคาคุตรเชื้อบ่เหลือเกี้ยงอยู่ยัง ตายให้เกลี้ยงทีละเรื่องสังขาร เรื่องสงสารของเฮาเปลี่ยนวนหมุนโค้ง หมุนเป็นวงจรเกี้ยวพอปานไส้จ่อพระองค์หลิงส่องเห็นแจ้งสู่แนว ตัดส่องแล้วหลักแห่งความจริง อิงไปทางธรรมะที่พระองค์ทรงฮู้ สัพพัญญูเห็นถ้วนประมวลมาทุกถี่ เรียกอะริยะสัจจะธรรมสี่ ได้แก่เห็นบ่อนหนี่จริงแจ้งบ่อนไส พระองค์เทศบอกไว้ควมเกิดกะเป็นทุกข์ ควมแก่ควมเจ็บ ควมตายกะเป็นทุกข์ บ่สุขเด้อป้า ชาติปีทุกข็ขาชราปีทุกข์ขา อัปปิเยหิสัมปะโยโคทุกข์โขฮมปีสังนะระภะติทำปิทุกข์ขัง อะนิจังทั้งสิ้นทรมานหมองหม่น คนเฮานี่มีแต่ควมทุกข์จน มีแต่ควมโศกเศร้าบ่มีเว้นแต่ละยาม อยากกินเข้ากินน้ำกะล้วนแต่เป็นทุกข์ ควมสนุกชำบายบ่มีพอน้อย ได้กินหลายกินหน่อยมีจนกะหมองหม่น คันมีหลายกะบ่น คันจนหลายกะกลุ้มสุมเข้าใส่ลม ฮูเผิ่นหนีหลีกม้มมีแต่อรหันต์ พวกสวรรค์เทวาทุกคนกะฮนฮ้อน พระบวรทรงไว้ไขทางม้างป่องครองสิพันทุกข์ได้เชิญให้จื่อเอา คือเผิ่นเว้าอย่าประมาทในกาย อย่างมงายชีวิตแห่งตนอย่าวนเช่อ อย่ามีเผลอหลงหล่มอารมณ์ทุกฝ่าย ให้คิดถึงควมตายภาวนาสู่มื้อแลงเช้าอย่าเซา คือเผิ่นเว้าให้หมั่นมีสะติ พิจารณาดำริไตร่ตรองอย่ามัวค้าน อุปะทานวางไว้ให้มีใจจดจ่อ นี่ละทางสิพ้อเห็นห่อง มรรคผล นี่ละทางสิพ้นหนีจากควมตาย หมายถึงนีรพานบ่อนเกษมเมืองแก้ว เกิดเป็นคนมาแล้วแสวงธรรมคำแม่น หาเอาแนวเป็นแก่นแนวอาศัยเพิ่งได้หาไว้ใส่โต ใกล้สิตายจั่งสิมาอ่าวโอ้ฮองโห่โฮคิด ลมหันใจสิเบิดจั่งสิหาทางแก้ คางคะไตจนแหล่จั่งยอมื้อฮ้องกล่าว บาดลมหนาวฮอดแล้วจั่งหาซื้อผ้าห่มนวม พวมสิแดดั่นดิ้นจั่งสิปิ่นหาพระ ฮู้จักโมจักนะบ่มีไผพร้อม ซอมเมื่อยามยังแน่นแขนมื้อบ่ทันหล่อยให้ค่อยเฮ็ดข่อยสร้างบุญไว้จั่งแม่นแนว บัดตายแล้วจั่งสิเฮ็ดบุญหา ได้ผลากะแม่นผู้เขาเฮ็ดตั่วนอทางนี่ ฮูโตตายเป็นผีสิมีแนวหยังได้ตายไปถิ่มเป่า เอาไฟเผาจูดเบี้ยนบ่สุมแล้วกะแม่นฝัง สิมีหยังบ่อนได้นาไห่แนวเฮ็ด เป็ดไก่หมูงัวควยหมู่เงินคำแก้ว เขากะเอาเบิดแล้วของโตเป็นของเผิ่นเชิญเอาไปเบิ่งแม้คันได้อย่างใด๋ เบิดอย่างเก่งกะได้ผ้าห่อคาคิง หมอนกะหมอนแป ๆ เสื่อดำผืนก้อม ผ้าแพมนเข้าป้อมปกโลงบังที เงินบาทหนึ่งพอดี ยัดใส่ปากให้เจ้าเผาแล้วเขี่ยคืนฮูเขายังโลดสนุกคึกคื้นหม่วนชื่นเฮฮา นาเฮือนโตโลดไปเป็นของเขาหมู่เอาเบิ้ดเกลี้ยง เตียงเคยนอนหมอนมุ้ง เขากะเอาคนใหม่มานอนกอดคันไส่ บ่คิดเห็นน้ำหน้าโตช้ำท่อขน

หมายเหตุ : กลอนลำอาจไม่ตรงกับเสียงที่หมอลำร้อง อาจเปลี่ยนไปตามลีลาของหมอลำแต่ละคน

หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายบุญถนอม เสนาพันธ์ อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี

หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นางโสภา โพธารินทร์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี