ฟังลำกลอนล่องโขงชีมูล โดย หมอลำสมัย พันธ์โบ และหมอลำเดือนฉาย หล้าบุดดา
กลอนล่องโขงชีมูล
มาสิจาละในเรื่องการเมืองมันหว่าหวุ่นประเทศชาติได้ค่ำจุน หมุนอยู่เป็นข้วงๆคือวงล้อแต่ปิ่นหัน แต่หมุนอยู่ขะหนาดนั้นหากบ่เผื่องพอเลยรัฐบาลบ่เคยเสียหากบ่พอเพียงใช้ เงินคำไหลไปทางใต้ชาวไทยอีกทุกส่วน ธรรมชาติโฮดฮ้ายมันวายวุ้นบ่เซา แล้วผัดเกิดอั่งเอ้าด้าวด่านแดนอิสาน แสนลำคาญบ่มีกินหมู่กระแสสายน้ำ บ่มีไผสิมองข่ามมีแต่ความพยายาม ค่อยเว้าได้คอยสอยแต่กระทำน้อยคองน้ำเจ้าบ่มี พอได้เป็นบ่อนที่ได้กับเกิดเป็นเหมืองฝ้าย เพื่อระบายทาลาแก่ซนซาวเซื้อ เผื่อให้มีกระแสน้ำไหลมาพอเลี้ยงชีพ อีกมีไฟสว่างใต้จ้าอยู่สบาย อีกมีทางเพื่อสิได้ไปสู่กันสบาย คนทางหลายมีงานทำอยู่ประจำบ่มีว่าง ได้พาทำส่างบ่มีทางสิอยู่เปล่า ทางเจ้าเมืองเผิ่นกระเว้ามาคอยเยี่ยมอยู่บ่เซา คิดทบทวนตั้งแต่เช้า เท่ากระถั่งจนเดิก เอิกกิเดอขันขาน ตื่นมากับยังยุ้ง เพื่ออยากปรับปรุงให้ชาวไทยทุกๆเหล่า ไกลจากความหม่นเส่าสีหน้าสองใส เพิ่นจึงได้ออกหาเที่ยวสัญจร เพื่อให้เห็นความจริงบ่หลายพางลางลิ้น กระแสสินคือสายน้ำได้ไหลมาให้ดินสุ่ม พากพื้นเขียวสะอุ่มต้นไม้เกิดแซกซ้อนดอนไม้ป่งประเดียวอิสานเขียงโครงการกว้างให้ปวงชนได้หวังเพิ่ง คงการโขงชีมูล สิ่งพากพูมิในพากนี้ให้ดีขึ้นกว่าแต่หลัง จนได้ตั้งส่างเขื่อนลำมูล ขอเทิดทูนพ่อเมืองเฮาผู่เผิ่นเอาใจซ่วย ด้วยว่าจิตใจกว้างไหลมาคือน้ำแก่ง ความคิดเพิ่นมาแฮงได้แสดงออกแล้วให้ชาวบ้านได้อยู่เย็นเห็นเลือง ๆ
หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย): นายสมัย พันธ์โบ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง): นางเดือนฉาย หล้าบุดดา อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี