ฟังลำกลอนพุทธประวัติ โดย หมอลำสมัย พันธ์โบ และหมอลำเดือนฉาย หล้าบุดดา

กลอนพุทธประวัติ

พอสอสองพันห้า ปีสิมาแห่งฮ้อนเฮ่งออละเวงตื่นซ้อน ฝนฟ้าสิต่างหลัง เป็นนำคนบ่ตั้งไวต่อศีลทำ บ่ขะลำตามคองพุทธองค์เผิ่นสอนไว้ ไม้หลื่นวา ปลาหลื่นฮ้อย ผมยอยสิหลื่นบ่า อุปมาดั่งฮีดเข้าคนเฒ่าบ่อยู่คอง น้องหลื่นอ้ายบ่าวไผ่บ่ฟังความ ฮีดสิหลวมความสิหลายสิผ่ายผังเพม้าง หนทางมันสิเป็นคือตาผ่าหัวนาบ่มีป่า ฟ้าบ่ไขป่องเอี้ยมคือตั้งแต่หลังคนก็นับตั้งสิตกแต่งตามความคิด ครูประดิษฐ์เป็นอาจารย์เผิ่นแต่งเป็นกลอนไว้ ต่อไปหนี่ของบ่เคยเห็นช้ำสิเห็นมาแปลกๆ ตาแหกเปิดไก่ต้มลมสิอ้วนอ่วยหา ปลาบ่มีในข่องแหมองสิค้างข่วนสวนสิมีฝู่ละบิ้งแม่หญิงนั้นสิหน่ายผัว งัวควายราคาขึ้นสิลงทึนโตละหมื่น มหาสมุทรสิเหล่าตื้นฟื้นสิไช้กระบ่มี ต่อไปหนีคนมีขากระบ่ได้หย่าง มีแต่หอหอบอุ้มบินอ้วนดั่งมากหยาง ผู่ได๋หวางกระหวางล้นคนจนพัดแห่งตื่ม ฟ้าบ่เคยมืดคึ้มตาเวนแจ้งบ่เชา เฒ่าแก่แล้วสิเป็นบ่าวคุยสาว อีกบ่อพอชาวปีหากสิเห็นเมือหน้า คันปูปลาพากันเลี่ยง หอยในนาสิกล้าหน่อ ขอกันกินกระพ่อได้เอาให่จั่งสิมี เงินบินคือแฮ้ง ขิงแคงเงี่ยงละบาด คาดและไถสิล่องเต้ยไปลำเหล่นอยู่ข่อนถึยง ควายสิแหงนดูฟ้า ยามนาสิเข่าคอก ดอกหมากอื๋อสิแบ่งก้านบานได้อยู่ขู่ยาม น้ำสิออกบ่ล้นไหลหลั่งลงพู บ่คือโบราณเอาพุทธองค์เผิ่นสอนไว้ นับมื้อมีแต่แนวข่อน วนวายบ่คือเก่า นกและหนูปูอึ่งเผ้าพากันเข่าอยู่เมือง ไผผู่เฮื่องปัญญานั้นสินายสอนหมู่โบราณเฮาเผิ่นหว่าไว้ มันจริงแจ้งขู่สู่อันแสนลำพัน

หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย): นายสมัย พันธ์โบ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง): นางเดือนฉาย หล้าบุดดา อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี