สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อจะทรงทำเนื้อความนั้นให้เป็นชัด ตรัสแก่ภิกษุสงฆ์จึงทรงภาษิตว่าเมื่อใดพระเนมิราชเจ้าผู้บัณฑิตมีพระกุศล เป็นพระราชาผู้ทรมานราชดัสกรให้พ่ายแพ้พระเดชานุภาพ ทรงบริจาคมหาทานแก่ชาววิเทหะทั้งปวงอุบัติขึ้น เมื่อนั้นบุคคลผู้ฉลาดก็ย่อมเกิดขึ้นในโลก ความบังเกิดของท่านเหล่านั้นน่าอัศจรรย์หนอ เมื่อพระเนมิบรมกษัตริย์ทรงบำเพ็ญทานนั้นอยู่ ก็เกิดพระราชดำริขึ้นว่าทานหรือแล้วก็ทรงดุษณีภาพนิ่งอยู่ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลวิงวอนเพื่อให้ทรงแสดง จึงเสด็จประทับ ณ บวร พุทธาศนะที่แต่งตั้งไว้แล้ว ทรงนำเรื่องเป็นอดีตมาดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล มีพระราชาองค์หนึ่งนามว่ามฆเทวบรมกษัตริย์ผ่านสมบัติในมิถิลานคร ในแคว้นวิเทหะฯ พระเจ้ามฆเทวราชนั้นทรงเล่นอย่างราชกุมารอยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี ครองอุปราไชศวรรค์ ๘๔,๐๐๐ ปีฯ เมื่อเสวยราชเป็นพระราชาธิราชได้ ๘๔,๐๐๐ ปี มีพระราชดำรัสกะเจ้าพนักงานภูษามาลาว่า เมื่อใดเจ้าเห็นผมหงอกในเศียรแห่งเรา เจ้าจงบอกข้าเมื่อนั้น ๆ อปรภาเคกปฺปโก ครั้นกาลต่อมาเจ้าพนักงานภูษามาลาถึงคลาทรงเครื่องต้นเจริญพระเกศา ได้เห็นเส้นพระศกหงอก จึงกราบทูลบรมกษัตริย์ให้ทรงทราบฯ บรมขัติยาธิบดีจึงให้ถอนพระเกศาหงอกนั้นด้วยแหนบทองคำให้วางในพระหัตถ์ทอดพระเนตรเห็นพระเกศาหงอกก็ทรงพิจารณาเห็นมรณะเป็นประหนึ่งว่ามาข้องอยู่ที่พระนลาต ทรงพระดำริว่า บัดนี้เป็นกาลจะผนวช จึงพระราชทานบ้านสวยแก่เจ้าพนักงานภูษามาลา แล้วตรัสเรียกพระเชษฐโอรสมา มีราชดำรัสว่าพ่อจงรับครองราไชศวรรค์ บิดาจะบววช พระราชโอรสกราบทูลถามถึงเหตุที่จะทรงผนวช เมื่อตรัสเหตุแก่พระราชโอรส จึงตรัสว่า ผมหงอกบนเศียรแห่งบิดาเกิดแล้วนิ้ ก็นำความหนุ่มไปเสีย เป็นเทวทูตปรากฏ สมัยนี้จึงเป็นคราวที่บิดาจะบวชฯ อ่านต่อ…
หมายเหตุ : พิมพ์แจกเนื่องในการพระราชทานเพลิงศพ นาวาเอก ประดิษฐ์ พูลเกษ ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2501
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์. (2501). เนมิราชชาดก. นนทบุรี : ม.ป.พ.