• สาส์นจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี : รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี พุทธศักราช 2539

    มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ การกระจายโอกาสทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ให้แก่เยาวชนในเขตตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในภูมิภาคเดียวกัน บัดนี้ เวลาได้ผ่านไปจนครบ 6 ปี มหาวิทยาลัยได้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ระดับหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้จากสามารถผลิตบัณฑิตในสาขาเกษตรศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ออกไปรับใช้สังคมถึง 5 รุ่น จำนวนกว่า 300 คน ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องของการประจายโอกาสการศึกษา มหาวิทยาลัยได้มีมาตรการพิเศษในการกำหนดจำนวนรับของนักเรียนที่มาจากโรงเรียนที่อยู่นอกเขตอำเภอเมืองจะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนรับทั้งหมด  ซึ่งในปัจจุบันจำนวนนักเรียนดังกล่าวสูงถึงร้อยละ 35 นอกจากนี้ยังได้ให้บริการทางวิชาการ ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาต่อสังคมอีกมากมาย อาทิ การจัดอบรมทางวิชาการในระยะสั้น ให้แก่ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป การช่วยสอนในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐานให้แก่สถาบันการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชนอื่น ๆ ที่อยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ นักศึกษายังได้ดำเนินกิจกรรมที่มีประโยชน์ อาทิ การจัดกิจกรรมในวันเด็ก การนำความรู้ออกไปบริการให้แก่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในรูปค่ายวิทยาศาสตร์เคลื่อนที่ การเข้าร่วมในกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของจังหวัด เช่น การแห่เทียนเข้าพรรษา และสุดท้ายการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นับได้ว่าเป็นการกระจายรายได้ในจังหวัดอุบลราชธานี อีกประการหนึ่งในรูปของการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,800 ล้านบาท และจำนวนข้าราชการและลูกจ้างประจำในปัจจุบันถึง 568 คน ด้วยศักยภาพของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีความพร้อมที่จะร่วมมีบทบาทในการสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมให้เจริญรุดหน้าต่อไป   อ้างอิง : กองแผนงาน สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.(2539). การดำเนินงานระหว่างปี 2533 – 2539, หน้า [ค].

  • สารจากศาสตราจารย์ ดร.ไพฑูรย์ อิงคสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2545

    รอบ 10 ปี แรกของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นทศวรรษของการก่อร่างสร้างตัวขึ้นจากพื้นที่ป่าและทุ่งหญ้าสาธารณะ  ต้องสร้างทั้งด้านกายภาพและบุคลากร  เป็นช่วงที่บุคลากรชุดบุกเบิกของ ม.อบ. ด้วยความสนับสนุนและช่วยเหลือจากท่านผู้อุปถัมภ์หลายฝ่ายจำนวนมาก ต้องทำงานหนัก ตั้งแต่อธิการบดีและคณบดีชุดแรกจนถึงผู้ช่วยงานทั้งปวงเพื่อเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยให้ดีที่สุดรองรับภารกิจที่มหาวิทยาลัยได้รับมอบหมาย  ทั้งด้านการรียนการสอน การวิจั้ยและการบริการสังคม อันจะก่อประโยชน์แก่อนุภาคตะวันออกล่าง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  แม้กระนั้น ก็ได้เกิดอุปัทวเหตุเป็นรอยด่างของสังคม เมื่อคณบดีท่านหนึ่งถูกฆาตกรรมและอาจารย์บางท่านถูกข่มขู่ ด้วยอาวุธขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่งานของมหาวิทยาลัยคงเดินหน้ามาโดยต่อเนื่อง  ในรอบ 10 ปีแรกนี้ จำนวนบัณฑิตจบจาก ม.อบ. นับได้เกือบ 1,000 คน  แม้จะไม่สูงแต่เป็นผลจากความพยายามสร้างและรักษาคุณภาพบัณฑิตให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดนานาประการของการสร้างงานใหม่ เริ่มทศวรรษที่สอง ความพร้อมทั้งด้านกายภาพและบุคลากรได้ก้าวหน้ามาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้  สำหรับการพัฒนาช่วงที่หนึ่ง ทำให้ ม.อบ. สามารถขยายจำนวนรับนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น ให้เหมาะสมกับความพร้อมที่รัฐได้ช่วยสร้าง อีกทั้งสามารถขยายการสอนหลักสูตรใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น ณ วันนี้จึงเห็นภาพชัดเจนว่า ภายในสิ้นปีการศึกษา 2546 คือ อีก 3 ปีข้างหน้า จำนวนบัณฑิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจะถึงและเริ่มสูงขึ้นเกิน 1,000 คนในแต่ละปี และจะเพิ่มขึ้นโดยลำดับตามแผนที่ได้เตรียมไว้ว่าในรอบทศวรรษที่สอง จำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจะรวมได้ถึง 10,000 คน คือมากกว่าทศวรรษแรก 10 เท่าตัว และหากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมอำนวย ก็คาดหมายได้ว่าจำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในรอบทศวรรษที่สามต้องรวมได้ไม่น้อยกว่า 20,000 คน อันจะเป็นคำ ตอบว่าการลงทุนสร้างมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่สังคม และประชาชาติอย่างคุ้มค่าหรือไม่ งานวิจัยและงานบัณฑิตเป็นฐานสำคัญอีกประการหนึ่ง  ในการสร้างคุณภาพการศึการะดับมหาวิทยาลัย ม.อบ. ก็ได้ก้าวหน้าในส่วนนี้มาด้วยดีอย่างระมัดระวังไม่โลดโผน แต่มั่นใจและมั่นคง มั่นใจว่าหลักสูตรบัณฑิตศึกษาเป็นหลักสูตรที่ตอบสนองประโยชน์ในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและสังคมของอนุภูมิภาคนี้ได้เช่นเดียวกับงานวิจัยและพัฒนาที่คณาจารย์ตั้งค้วามพยายามเป็นพิเศษที่จะเกาะติดปัญหาของพื้นที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนคือรัฐและมหาชนผู้สนับสนุน ในทศวรรษใหม่นี้ อัตราการก้าวไปข้างหน้าของมหาวิทยาลัยจะต้องเร็วกว่านี้แน่นอน และต้องก้าวไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูงในด้านคุณภาพ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าที่ผ่านมาแล้ว ยิ่ง ม.อบ. รับนักศึกษาเพิ่มแบบทวีคูณ มีบุคลากรประจำการเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงจะสามารถรักษาเกียรติภูมิของบุคลากรและของมหาวิทยาลัยให้ธำรงอยู่ได้ บทบาทของมหาวิทยาลัยด้านการบริการวิชาการ และทำนุ้บำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติและของท้องถิ่นมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าการสร้างบัณฑิตให้มีความรู้ ความสามารถควบคู่คุณธรรม ให้เป็นกำลังแผ่นดิน และเป็นหน้าที่หลักสำคัญอีกหลักหนึ่งที่มีต่อสังคม เพื่อช่วยสร้างประชาสังคมที่เข้มแข็ง งานนี้ต้องอาศัยจิตสำนึกที่ดีงาม ทั้งของชาวมหาวิทยาลัยเอง และของสมาชิกทั่วไปในสังคม ชุมชน ประชาคม ประกอบกันอีกด้วยจึงจะส่งสัมฤทธิผลได้สมปรารถนาหากมีความเห็นแก่ตัวแก่หมู่คณะเป็นใหญ่กว่าส่วนรวม หากมีการเอาเปรียบสังคมในแง่มุมต่าง ๆ  ทั้งน้อยแลพใหญ่ มีผลประโยชน์มิชอบมาบดบังให้เห็นแต่ประโยชน์ตนสูงกว่าส่วนรวมแล้ว งานนี้จักล้มเหลวแน่นอน  ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นยิ่งยวดที่มหาวิทยาลัยจะต้องได้รับความกรุณาและสนับสนุนพร้อมด้วยการตรวจสอบจากสังคมอย่างโปร่งใสยุติธรรม เพื่อเกื้อหนุนเจือจุนให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยผู้มีความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มศักยภาพ  ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย และของบุคลากรผู้ขันอาสามาปฏิบัติงานให้มหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน ในโอกาสอันเป็นมงคลครบรอบ 12 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผมขอเชิญชวนชาวมหาวิทยาลัยได้รำลึกถึงพระคุณของท่านทั้งปวงที่มีส่วนเกื้อหนุนการก่อสร้างสถาบันมหาวิทยาลัย ทั้งด้านวัตถุและคุณภาพบุคลากรมาแต่ต้นจนเป็นที่ปรากฏในปัจจุบัน ในฐานะของมหาวิทยาลัยของรัฐที่ได้พัฒนาเพื่อให้สามารถเข้าสู่รพบบมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ชาวมหาวิทยาลัยได้ร่วมกันกำหนดปณิธานว่า มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะดำรงเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชุมชนและสังคมอันเป็นฐานสำคัญของผู้สนับสนุนให้เกิดมีมหาวิทยาลัยแห่งนี้…

  • เปิดรับนักศึกษารุ่นแรก

    ภาคต้นปีการศึกษา 2531 (4 มิถุนายน 2531) วิทยาลัยอุบลราชธานีได้เปิดรับนักศึกษารุ่นแรกในภาคต้นปีการศึกษา 2531 เข้าศึกษาในสาขาเกษตรศาสตร์ 38 คน และสาขาวิศวกรรมศาสตร์ (เครื่องกล) 29 คน รวมทั้งสิน 67 คน โดยฝากเรียนไว้ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก่อน ใน ปี พ.ศ.2533 จึงย้ายนักศึกษารุ่นแรกทั้ง 67 คน (นักศึกษาชั้นปีที่ 3) ไปศึกษา ณ สถานที่ตั้งวิทยาลัยอุบลราชธานี  จังหวัดอุบลราชธานี และมีอาจารย์ภาควิชาเกษตรศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ย้ายติดตามไปปฏิบัติงานด้วย คงเหลือคณาจารย์ภาควิชาพื้นฐาน และนักศึกษาชั้นปีที่ 1  และปีที่ 2 ซึ่งจะทยอยไปขึ้นปีที่ 3 ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยในปีการศึกษา 2535 คณาจารย์และนักศึกษาของวิทยาลัยอุบลราชธานีจึงย้ายไปจังหวัดอุบลราชธานีทั้งหมด อ้างอิง มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น, หน้า 15 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, งานวิจัยสถาบัน กองแผนงาน.(2537). รายงานวิจัยสถาบัน เรื่อง สภาพปัญหาของนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชานี ปีการศึกษา 2535,  หน้า 10